กรมชลฯเตือนชาวบ้าน2ฝั่งเจ้าพระยารับสถานการณ์น้ำเพิ่มระดับต่อเนื่อง 4อำเภอสารคามระทมประสบภัยพิบัติอ่วม
วันนี้ (7ก.ย.) กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,055 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 32 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 68 ซม. มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท 2,438 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 48 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน อยู่ในระดับตลิ่ง 17 ม. ท้ายเขื่อนต่ำกว่าตลิ่ง 0.84 ม.
จ.สิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,361 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 29 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 5 ซม. จ.อ่างทอง มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,281 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 29 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 95 ซม.
จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,129 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 5 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 11 ซม. ส่วนที่คลองบางหลวง(คลองโผงเผง) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 857 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 16 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1.99 ม. คลองบางบาล มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 273 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 2 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1.21 ซม. และที่ อ.บางไทร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,626 ลบ.ม.ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 17 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.48 ม.
สำหรับสถานการณ์แนวโน้มในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เนื่องจากเกิดฝนตกหนักกระจายในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน ในช่วงวันที่ 1-4 ก.ย. ที่ผ่านมา ประกอบกับมีปริมาณน้ำในแม่น้ำยมจำนวนมากเอ่อล้นอ้อมลงสู่แม่น้ำน่านที่ อ.เมืองนครสวรรค์ ทำให้มีน้ำท่าไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้นจากช่วงสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.นครสวรรค์ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นไปอยู่ในเกณฑ์สูงสุดระหว่าง 3,300 – 3,500ลบ.ม.ต่อวินาที นับจากวันนี้ไปจนถึงกลางเดือน ก.ย.นี้ จากสภาพปัญหาน้ำเหนือที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ไปเป็น 2,800 ลบ.ม.ต่อวินาที นับจากวันที่ 5 ก.ย. ไปจนถึงกลางเดือน ก.ย. ระดับน้ำจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันวันละ 10-15 ซม.โดยประมาณต่อเนื่องกันไปอีกหลายวัน
ด้านนายทองทวี พิมเสน ผวจ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า ทางจังหวัดได้ประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง กันทรวิชัย โกสุมพิสัย และอำเภอเชียงยืน รวมทั้งหมด 9 ตำบล 54 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 34,897 ไร่ ราษฎรเดือดร้อน 2,679 ครัวเรือน ขณะที่ระดับในแม่น้ำชี ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 10-15 เซนติเมตร เพราะปริมาณน้ำฝนสะสม และน้ำเหนือจาก จ.ชัยภูมิและขอนแก่นไหลมาสมทบ ซึ่งหากเกิดฝนตกต่อเนื่อง พื้นที่ใน 4 อำเภอที่ติดริมฝั่งแม่น้ำชี อาจประสบปัญหาน้ำท่วมได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดประดู่โลกเชษฐ์ หมู่ 5 ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำท่วมหนักสูงเกือบ 2 เมตรเข้าไปถึงฐานพระประธานในพระอุโบสถ ขณะที่พื้นที่ด้านนอกวัดมีบ้านเรือนราษฎร23หมู่บ้านต้องผจญกับภาวะน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมสูงเฉลี่ย10ซม. บางหลังปลูกในพื้นที่ต่ำระดับน้ำเกือบถึงหลังคาบ้าน และแนวโน้มยังจะเพิ่มระดับสูงขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีหมายกำหนดการจะออกเดินทางโดยรถยนต์ ไปยังเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เพื่อดูสถานการณ์น้ำ และการระบายน้ำในพื้นที่ภาคกลาง จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังวัดคงคาราม ต.โพนางดำตก อ.สรรพยา เพื่อเยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบอุทกภัย และมอบถุงยังชีพ เรือ สุขา เคลื่อนที่ สุขาลอยน้ำ ก่อนจะไปเยี่ยมประชาชนต่อที่ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง และ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยาต่อไป