บี้รัฐบาลขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทุกจังหวัด

ค้านนำร่อง300บาท7จังหวัด ล่าชื่อแรงงาน 5 ล้านฟ้องศาลปกครองหาเสียงหลอกลวง

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่โรงแรมเซ็นจูรี่ปาร์ค เครือข่ายองค์กรแรงงาน โซลิดาริตี้ เซ็นเตอร์ และมูลนิธิฟรีดริค เอแบร์ท  จัดสัมมนาเรื่อง “นโยบายค่าจ้าง : แนวคิดร่วมสมัย มุมมองและประสบการณ์” โดยนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน กล่าวปาฐกถาเรื่อง “นโยบายค่าจ้างและแรงงานของรัฐบาลใหม่” ว่ายืนยันว่าไม่พลิกลิ้น จะเริ่มนำร่องเพิ่มรายได้ขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ใน 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี และภูเก็ต ทั้งนี้ได้เสนอของบ 3 พันล้านบาทเพื่อพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานด้วย ซึ่งรัฐบาลได้ขานรับแนวทางนี้แล้ว ส่วนมาตรการดูแลผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี ที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มรายได้เป็นวันละ 300 บาทนั้น จะใช้มาตรการทางภาษี เช่น ลดภาษีนิติบุคคลให้แก่ผู้ประกอบการในปีแรกจาก 30% เหลือ 23% และปีที่สองจาก 23% เหลือ 20%

นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า  แม้จะนำร่องใน 7 จังหวัด แต่ทุกจังหวัดจะได้รับเพิ่มค่าจ้างใกล้เคียงกัน ใช้ฐานจาก 7 จังหวัด ซึ่งเพิ่มขึ้น 40% มาเป็นฐานเพิ่มค่าจ้างจังหวัดอื่นๆ คาดว่าจะมีผลเดือน ม.ค.2555 ภายใน 1 ปี จะคลอบคลุมทั่วประเทศ
 

นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า
 
แรงงานไม่เห็นด้วยที่จะนำร่องใน 7 จังหวัด เพราะขณะนี้ ราคาสินค้าบางจังหวัดปรับขึ้นสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำไปแล้ว ทั้งนี้ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ คสรท.จะร่วมกับกลุ่มองค์การแรงงานไปพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความชัดเจน หากในเดือน ม.ค. รัฐบาลยังไม่ดำเนินการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท ให้แก่แรงงานทุกจังหวัดทั่วประเทศ จะแจ้งความว่ารัฐบาลทำผิด มาตรา 53  พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ในเรื่องทำผิดสัญญาหาเสียงโดยสัญญาว่าจะให้แล้วไม่ทำตามที่หาเสียงไว้ โดยรวบรวมรายชื่อแรงงานที่ไม่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท  5 ล้านคน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองด้วย