นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวหลังประชุมศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) ว่า
ยังมีจังหวัดประสบอุทกภัยและประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน จำนวน 36 จังหวัด 280 อำเภอ 1,866 ตำบล 15,410 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,130281 ครัวเรือน 3,871,098 คน ซึ่งปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 13 จังหวัด รวม 57 อำเภอ 366 ตำบล 2,116 หมู่บ้าน ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ นครนายก พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท อุบลราชธานี พังงา ภูเก็ต ระนอง และสุราษฎร์ธานี ราษฎรเดือดร้อน 196,869 ครัวเรือน 592,070 คน ผู้เสียชีวิต 49ราย ผู้สูญหาย 1 คน
ขณะที่พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 3,347,204 ไร่ พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย 45,931 ไร่ ปศุสัตว์ได้รับผลกระทบ 2.06 ล้านตัว น้ำท่วมเส้นทางคมนาคมเสียหาย ทางหลวงไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 10 สายใน 7 จังหวัด
ส่วนทางหลวงชนบทไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 13 สาย ใน 6 จังหวัด ด้านสถานบริการสาธารณสุข ได้รับผลกระทบ 50 แห่ง บ่อน้ำบาดาลเสียหาย 8,299 บ่อ อย่างไรก็ตามสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งในลุ่มน้ำต่างๆ ที่ยังต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ ลุ่มน้ำปิง ที่อำเภอเมืองลำพูน จ.ลำพูน ลุ่มน้ำยม ที่อำเภอศรีสำโรง จ.สุโขทัย อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร เป็นต้น
ขณะนี้ในภาพรวมทั่วประเทศจะมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย ตามที่ลาดเชิงเขาและใกล้ทางน้ำไหลผ่านของ 19 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล เตรียมพร้อมรับมืออันตรายจากภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคนถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอบ่อไร่ จ.ตราด อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอท่าใหม่ และอำเภอขลุง จ.จันทบุรี
ศอส.สรุปน้ำยังท่วม13จว. ตาย49ราย
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!