เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านทยอยเดินทางมาตรวจสอบสุนัขของตัวเอง ที่บริเวณกักกันสัตว์ บ้านภูเขาทอง ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม
ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดสุนัขได้กว่า 1,000 ตัว ขณะเตรียมลำเลียงผ่าน จ.นครพนม ส่งไปขายที่ประเทศเวียดนาม เพื่อไปเป็นเมนูเปิบพิสดาร โดยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์นำไปกักรักษาไว้ที่ด่านกักกันสัตว์ ระหว่างการดำเนินคดี ซึ่งศาลนัดพิจารณาตัดสินคดีในวันที่ 26 กันยายน เพื่อให้ตำรวจตามจับกุมผู้ต้องหาอีก 2 คนที่หลบหนีมาให้ได้ ทำให้ทางจังหวัดนครพนมต้องร่วมกับหน่วยงานปศุสัตว์ดูแลรักษาสุนัขจนกว่าจะตัดสินคดีเป็นที่สิ้นสุด
ทั้งนี้ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เปิดกองทุนรับบริจาคผ่านบัญชีธนาคารชื่อกองทุนช่วยเหลือสุนัข 2 บัญชีนั้น ปรากฏว่า ล่าสุด วันที่ 17 สิงหาคม ผู้บริจาคเงินช่วยเหลือสุนัขสูงถึง 11,500,000 บาท
นายไพรัช ประทุมสุวรรณ ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า
ขณะนี้มีผู้บริจาคเงินช่วยเหลือสุนัขสูงถึง 11,500,000 บาท ตอนนี้ยังเหลือสุนัขที่มีชีวิต 993 ตัว สำหรับอาหารการกิน มีคนบริจาคพอประทังชีวิตสุนัขได้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง เวลานี้มีสุนัขป่วยประมาณ 30 ตัว ที่ยังมีอาการทรุดหนักประมาณ 60 ตัว โดยมีสัตวแพทย์จากกรมปศุสัตว์มารักษาพยาบาลตลอดเวลาและทำการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าต้องดูแลต่อไปไม่ต่ำกว่า 2 เดือนจนกว่าคดีสิ้นสุด
นายไพรัชกล่าวอีกว่า นอกจากเงินที่บริจาคแล้ว มีประชาชนผู้ใจบุญจำนวนมากนำหัวอาหารมาบริจาคช่วยเหลือ รวมประมาณ 4 ตัน ส่งผลให้ร้านจำหน่ายหัวอาหารในนครพนมคึกคัก มีลูกค้ามาสั่งซื้อหัวอาหารไปบริจาคช่วยสุนัขจนหมดร้าน จนต้องสั่งเพิ่ม ทำให้มีรายได้มากขึ้นหลายเท่าตัว
"ส่วนการดูแลรักษาทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์นครพนม ร่วมกับเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์จากกรมปศุสัตว์ ยังคงระดมรักษาสุนัขที่ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รอดชีวิตมากที่สุด และแยกสุนัขที่มีสุขภาพแข็งแรงออกจากสุนัขที่เจ็บป่วย เพื่อกันป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงลงบันทึกทำทะเบียน เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ" นายไพรัช กล่าว และว่า ทาง พ.อ.พัฒนา คุ้มเปลี่ยน ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 22 อ.นาแก จ.นครพนม กองบัญชาการทหารพัฒนา นำทหารมาช่วยปรับปรุงคอกสุนัข ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ และขยายคอกสุนัขลดปัญหาการแออัด
"ส่วนเจ้าของสุนัขที่ติดตามหาสุนัขหาย ทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครพนม ให้เจ้าของที่ติดตามมาพบสุนัขที่หาย สามารถนำกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องรอการตัดสินคดี แต่ให้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมือง นครพนม เป็นหลักฐาน และนำหลักฐานภาพถ่ายมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อขอรับสุนัขกลับบ้าน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และเพิ่มความผิดให้ขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติ" นายไพรัชกล่าว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
