วันที่ 8 ส.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศวันนี้ ว่า
ร่องมรสุมพาดผ่านทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-3 วันนี้
วันเดียวกัน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.
พร้อมนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. และโฆษก คณะผู้บริหารระดับ ผู้เกี่ยวข้อง ประมาณ 50 คน ลงพื้นที่ตรวจงานเรียงกระสอบทรายป้องกันน้ำทะเลหนุนและน้ำเหนือไหลบ่า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณบริษัทไทยอมฤตบริวเวอรี่ จำกัด เขตบางซื่อ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับปริมาณน้ำเหนือ และปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบพายุดีเปรสชั่นนกเตน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เป็นการตรวจความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังไม่สามารถสร้างแนวคันกั้นน้ำได้
เนื่องจากเจ้าของพื้นที่ไม่ยินยอม กทม. แก้ปัญหาโดยการนำกระสอบทรายไปวางจากสถานีสูบน้ำบางโพถึงกรมพลาธิการทหารบก ยาว 190 เมตร สูง 3 เมตร จะช่วยแก้ปัญหาน้ำทะลักเข้ามาได้ในระดับหนึ่ง แนวคันกั้นน้ำมีทั้งหมด 77 กิโลเมตร ที่ยังสร้างไม่เสร็จอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง
เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ที่ประมาณ 1.66-1.8 เมตร จากน้ำทะเลปานกลาง วันที่ 10 ส.ค. คาดจะมีปริมาณน้ำเหนือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 เมตร ซึ่งกทม.ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้โดย กทม. สามารถรองรับปริมาณน้ำได้ 2.5-3 เมตร ดังนั้นประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล ส่วนพื้นที่เสี่ยงบริเวณ กทม.ด้านตะวันตกและตะวันออก ระดับน้ำยังต่ำกว่าขีดวิกฤตทุกแห่ง ซึ่งสถานการณ์ยังดูแลได้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ที่ห่วงคืออีก 2 เดือนถัดไป น้ำในเขื่อนสำคัญ เช่น เขื่อนสิริกิติ์ เริ่มเต็มแล้ว ประมาณ 80% ดังนั้นรัฐบาลต้องติดตามดูแลให้ดี เพราะเรื่องดังกล่าวอยู่นอกอำนาจหน้าที่ของกทม.