นาย ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกกูเลเตอร์
เปิดเผยว่า กกพ.จะนำเงินที่เรียกคืนจากการลงทุนที่ต่ำกว่าแผนของการไฟฟ้าทั้งสามแห่ง หรือคลอว์แบ็ค ประกอบด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ระหว่างปี 51-53 มาลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในทุกรายจำนวน6 สต.ต่อหน่วย เป็นเวลา 6 เดือน นับจากเดือนก.ค.-ธ.ค. 54 คิด เป็นเงิน 4,500 ล้านบาท เพื่อลดภาระการจ่ายค่าไฟฟ้าแก่ประชาชนและภาคอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 90 หน่วยต่อเดือน
ขณะเดียวกัน กกพ. ได้เห็นชอบโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่แล้ว และส่งไปยัง กฟภ.และ กฟน.เพื่อให้มีผลในบิลค่าไฟฟ้าเดือน ก.ค.นี้
โดยโครงสร้างใหม่ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าที่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนยกเว้นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย กิจการขนาดเล็ก และประเภทสูบน้ำเพื่อการเกษตร ต้องช่วยรับภาระในส่วนของการใช้ค่าไฟฟรีเพิ่มอีก 12 สต.ต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม กกพ. ได้นำเงินคลอว์แบ็คมาช่วยลดภาระให้ ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าหน่วยละ 6 สต.
นายณรงค์ศักดิ์ กำมเลศ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า กฟภ.เริ่มใช้ค่าไฟฟ้าใหม่ในบิลเดือนก.ค. ที่จะเริ่มเก็บในวันที่ 21 ก.ค. เป็นต้นไป
โดยมีผู้ใช้ไฟฟ้าในความรับผิดชอบของกฟภ.จำนวน 15 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด 17 ล้านราย โดยผู้ใช้ไฟฟ้าของกฟภ.เข้าข่ายใช้ไฟฟรี 90 หน่วยจำนวน 8 ล้านราย คิดเป็นค่าไฟ 1,100-1,200 ล้านบาทต่อเดือน มูลค่า 13,200-14,400 ล้านบาทต่อปี
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า
ต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดูแลโครงสร้างพลังงานทั้งระบบใหม่ทั้ง ราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) โดยเฉพาะนโยบายการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะยกเลิกการตรึงราคา ซึ่งในส่วนนี้ ตนเองยอมรับว่าไม่เห็นด้วยเพราะจะเป็นการเพิ่มภาระในระยะยาวได้และจะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้นอีกได้
“อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ รมว.พลังงานคนใหม่แล้ว ตนเองก็คงจะไปให้ความเห็นว่าควรจะมีการปรับโครงสร้างพลังงานที่บิดเบือนมานานบ้าง เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ตรึงราคาจนไม่เคยคิดที่จะมีการปรับราคาขึ้นกันเลย ทั้งราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซแอลพีจี หรือก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งเห็นใจประชาชนที่ต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น หากมีการปรับโครงสร้างพลังงาน แต่ต้องเข้าใจว่าต้องปรับขึ้นบ้างเพื่อให้ช่วยกันแบ่งเบาภาระบ้าง เพราะลำพังแค่ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตรเป็นภาระปีละ 1 แสนล้านบาท แต่สุดท้ายจะตัดสินใจอย่างไรขึ้นอยู่กับรัฐบาล”.
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
