รองอธิบดีฯดีเอสไอ แนะหน่วยงานราชการที่เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ ลั่นพร้อมเข้าไปจัดการอิทธิพลรุกป่าทับลาน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 ก.ค. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะร้องขอเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าไปช่วยทำคดีบุกรุกป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
ว่าดีเอสไอมีความยินดี และพร้อมเข้าไปทำงาน ถ้าหน่วยงานราชการที่ได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นอุทยานฯทับลาน กรมป่าไม้ และส.ป.ก. มีการร้องทุกข์เข้ามายังดีเอสไอ
เนื่องจากดีเอสไอมีหน่วยงานที่เรียกว่า “สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม” ทำหน้าดูแลคดีในลักษณะดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนซึ่งย้ายมาจากกรมที่ดิน เป็นผู้มีความรู้ มีประสบการณ์ สามารถอ่านภาพถ่ายทางอากาศ และรู้พิกัดต่างๆ เคยทำคดีเหล่านี้มาพอสมควร
“ขณะนี้ดีเอสไอ ได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับนายทุนบุกรุกป่าไว้บ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงพื้นที่ เพราะเกรงทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นเกิดความสับสน แต่ถ้ามีตัวแทนของหน่วยงานราชการที่ได้รับความเสียหายเข้ามาร้องทุกข์ ทางดีเอสไอจะเข้าไปทำงานทันที เพราะเป็นคดีไม่ยาก ไม่มีความซับซ้อน
เนื่องจากหน่วยงานผู้เสียหายสามารถชี้พื้นที่ทางกายภาพได้เลย ว่าป่าตรงนี้อยู่ในเขตอุทยานฯหรือไม่ ส่วนกรณีมีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง ทางดีเอสไอจะร้องขอให้อัยการเข้ามาร่วมสอบสวนตั้งแต่ต้น เพื่อให้สำนวนมีความรัดกุม และดิ้นไม่หลุด ผมขอแนะนำให้หน่วยงานราชการที่ได้รับความเสียหาย ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาร้องทุกข์ แล้วดีเอสไอจะเข้าไปทำงาน” รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าว
ทางด้านนายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เปิดเผยถึงการดำเนินการจับกุมและสั่งให้รีสอร์ท-บ้านพักตาก ดำเนินการรื้อถอนออกจากพื้นที่อุทยานฯ ว่าวันที่ 26 ก.ค.นี้ จะมีกำลังจากส่วนกลาง นำโดยนายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 200 นาย จะเข้ามาช่วยในการออกไปติดป้ายประกาศแจ้งให้เจ้าของรีสอร์ทที่บุกรุกพื้นที่ อุทยานฯ ดำเนินการรื้อถอน คาดว่าวันที่ 26 ก.ค.นี้ จะดำเนินการติดป้ายแจ้งให้รื้อถอนได้ประมาณ 10 แห่ง โดยเจ้าหน้าที่ทำไปตามกฎหมาย และตามคำสั่งศาล
ปัจจุบันมีหลายคน สอบถามกรณีรีสอร์ทชื่อดัง เช่น บ้านผางาม ,บ้านทะเลหมอก และเมืองในหมอก อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โดยกรณีของบ้านผางาม นั้นมีการจับกุมดำเนินคดีเมื่อวันที่ 13 ก.ค.43 บนเนื้อที่ 38 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง 21 หลัง ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้จำเลยพร้อมบริวารออกจากพื้นที่ แต่ทางบ้านผางามยื่นอุทธรณ์คดีอีกครั้ง และศาลชั้นต้นยกคำร้อง แต่จำเลยร้องอุทธรณ์อีก
ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ส่วนบ้านทะเลหมอก และเมืองในหมอก ก็ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี แล้วให้จำเลยกับบริวารรื้อถอนออกจากพื้นที่เช่นกัน ต่อมาทางบ้านทะเลหมอกได้มอบพื้นที่ให้กรมอุทยานฯ เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ราชพัสดุต่อไป.
“ดีเอสไอ”พร้อมลุยอิทธิพลรุกป่าทับลาน
ภาพจาก เดลินิวส์