เมื่อเวลา 15.20 น.วันที่ 21 ก.ค. ศพของทหารทั้ง 5 นาย ได้ถูกลำเลียงออกจาก รพ.ค่ายสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 จังหวัดกาญจนบุรี
โดยมีกองทหารเกียรติยศคอยรอรับส่งศพ โดยขบวนได้เคลื่อนไปสู่ยังวัดทุ่งลาดหญ้า อ.เมือง ซึ่งอยู่ห่างจาก รพ.ค่ายสุรสีห์ ประมาณ 2 กม. โดยหน้าศาลาธรรมสังเวช วัดทุ่งลาดหญ้า ได้มีทหารองเกียรติยศ 1 กองร้อย ตั้งแถวคอยรอรับศพ พร้อมทั้งมีเหล่าข้าราชการทหาร ตำรวจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้ตั้งแถวเพื่อรอรับศพของทหารกล้า ขณะเดียวกันนอกจากญาติผู้เสียชีวิตแล้วยังมีประชาชน ได้เดินทางร่วมแสดงความเสียใจของผู้ที่เสียชีวิตในครั้งนี้กว่า 500 คน ต่อมา พลโทอุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เดินทางไปถึงยังศาลาพิธี ต่อจากนั้นพร้อมด้วยและนายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.
ได้เดินทางไปถึงและเป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพแก่ทหารกล้าทั้ง 5 นาย พร้อมทั้ง นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เป็นตัวแทนนำพวงมาลาพระราชทานวางหน้าหีบศพของทหารทั้ง 5 นาย ต่อมาผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกอบพิธีมอบเงินพระราชทานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงพระราชทานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ญาติผู้เสียชีวิต
เมื่อเวลา 17.40 น. ได้มีพิธีสวดพระอภิธรรมศพ โดยจะเก็บศพทหารทั้ง 5 นายไว้ 1 คืน ก่อนที่จะส่งกลับไปยัง จ.ลพบุรี เพื่อให้ญาติดำเนินการต่อไป
แต่ศพ ของ พ.ต.กิติภูมิ เอกพันธ์ รอง ผบ.ร. 19 พัน 2 จะทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพที่วัดทุ่งลาดหญ้า ไปจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 26 กรกฎาคม เวลา 16.00 น.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้กับญาติผู้ตายด้วย ซึ่งจะดูแลเขาเหล่านั้นให้ดีที่สุด
สำหรับภรรยาผู้เสียชีวิตถ้าไม่มีงานทำก็จะหางานให้ ส่วนลูกก็จะส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรี ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความสมัครของแต่ละครอบครับ สำหรับภรรยาทหารที่เสียชีวิตและอาศัยอยู่บ้านก็อยู่ไปก่อน จนกว่าจะมีความพร้อม นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนเรื่องเงินทองพอสมควร เนื่องจากได้ทำประกันให้กับผู้ที่เสียชีวิต เงินพิเศษที่ทางกองทัพบกมอบให้ สิ่งหนึ่งเป็นที่น่าปราบปลื้ม คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานเงินเป็นขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย นับว่าเป็นพระมหากรุณาอย่างสูง ซึ่งคงจะอยู่ในใจของผู้สูญเสียทุกคน ตนอยากจะเรียนให้ทราบว่าการสูญเสียครั้งนี้เป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งทางกองทัพบกได้เน้นย้ำเสมอว่า การทำงานต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
สำหรับกำลังพลมีความสำคัญและมีจำเป็นต่อกองทัพบกทุกระดับ ทั้งพลทหาร นายสิบ นายทหารมีความสำคัญเท่าเทียวกันทั้งหมด
ส่วนการค้นหาเครื่องบอนแบ๊กฮอว์ค ที่สูญหายไปนั้น ส่วนหนึ่งได้เดินทางต้นหาเข้าไปในประเทศพม่า 1-2 กม.แล้วแต่ก็ยังไม่พบ ส่วนฝั่งไทยก็ได้เดินเท้าเข้าไป 1 วันครึ่งแล้ว ก็ยังไม่ถึงเนิน 900 ระยะทางที่จะเข้าไปถึงเนินประมาณ 10 กม. แต่เพิ่งเข้าไปได้เพียง 3-4 กม.เท่านั้น ซึ่งจะค้นหาต่อไป จนกว่าจะพบ และขอกำลังใจจากพวกเราทุกคนว่า ขอให้วิงวอนให้พวกเขาเหล่านั้นรอดชีวิต