หลังคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีนโยบายปล่อยลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม 3 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 4 ไตรมาส รวม 12 บาท
โดยขยับขึ้น มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.จากเดิม 18.13 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 21.13 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเซรามิค กระจก และแก้ว ซึ่งมีมากกว่า 2,000 แห่ง ทั่วประเทศที่ทนแบกภาระไม่ไหวอาจต้องปิดกิจการหรือบางโรงงานไม่ได้ปิดกิจการ แต่อาจต้องลดพนักงานแล้วเพิ่มเครื่องจักรแทนนั้น
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. นายสมยศ เจริญผล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท คราวน์ เซรามิคส์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 234 หมู่ 17 ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี กล่าวว่า
บริษัทฯผลิตเซรามิคส์ ส่งออกขายต่างประเทศ จำเป็นต้องใช้ก๊าซแอลพีจีในกระบวนการผลิต 40% เนื่องจากเป็นพลังงานที่สะอาดที่สุดและได้มาตรฐาน โดยทุกๆเดือนต้องใช้ก๊าซ 350 ตัน ค่าก๊าซกว่า 5 ล้านบาท ต่อเดือน ในหนึ่งปีจะเสียค่าก๊าซราว 60 ล้านบาท มีพนักงานในโรงงาน 1,500 คน สินค้าเซรามิคส์มีกำไรน้อยไม่เหมือนสินค้าตัวอื่นๆ แต่ต้องทำเพื่อหล่อเลี้ยงพนักงาน การขึ้นราคาก๊าซจะมีผลกระทบแน่นอน เพราะโรงงานมีออร์เดอร์จำนวนมาก โดยทำสัญญาไว้แล้วถ้าก๊าซขึ้นราคา ทางโรงงานไม่สามารถไปขึ้นราคากับลูกค้าได้ เพราะถ้าขยับราคา ลูกค้าจะเปลี่ยนไปซื้อที่อื่น ขณะนี้มีหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน บังคลาเทศ และอินโดนีเซีย ก็ผลิตเซรามิคส์ขาย อีกทั้งอุตสาหกรรมเซรามิคส์นั้น ไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน เพราะการแข่งขันกันสูงมาก แม้แต่สถาบันการเงินเองยังไม่ปล่อยให้กู้ เราต้องดูแลตัวเอง ดิ้นรนเองถ้าต้องแบกรับภาระมากเกินไปก็คงจะทนไม่ไหว อาจต้องปิดกิจการ พนักงานในโรงงาน จะเดือดร้อน ซึ่งในปัจจุบันมีพนักงานที่ทำงานในอุตสาหกรรมเซรามิคส์ทั้งประเทศ กว่า 1 แสนคน ยังไม่รวมครอบครัวของพนักงานด้วย
นายสมยศ กล่าวต่อว่า สมาคมเครื่องเคลือบดินเผาได้หารือกันว่าจะต้องแสดงพลังหรือเคลื่อนไหวให้ภาครัฐ
ได้รับทราบผลกระทบแต่ต้องชะลอไว้เนื่องจากรัฐบาลอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนยังหาผู้รับผิดชอบชัดเจนไม่ได้ ดังนั้นทางสมาคมฯจะทำหนังสือถึงกพช. ให้ทบทวนนโยบาย และขอความเห็นใจชะลอไว้ก่อน แต่ถ้าไม่ได้ตามที่เรียกร้องก็อาจต้องพึ่งศาลปกครองอให้คุ้มครองชั่วคราวในการปรับราคาก๊าซอย่างยุติธรรม และขอให้ภาครัฐรักษาคำสัญญาที่บอกว่าจะหามาตรการช่วยเหลือหากปรับราคา พร้อมช่วยทบทวนโครงสร้างราคาต้นทุนก๊าซใหม่ ให้เป็นธรรม เนื่องจากทราบว่า มีการนำเข้าก๊าซแอลพีจีจากต่างประเทศเพียง 20% แต่รัฐบาลอ้างว่า จะต้องปรับราคาตามตลาดโลก แสดงถึงความไม่ชอบมาพากล