หนี้สาธารณะไทยพุ่ง4.279 ล้านล้านบาท

41.08%ของจีดีพี  สิ้นเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 30,865.53 ล้านบาทจากการกู้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ

เมื่อวันที่ 19 ก.ค.  นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล  ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)

เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง เมื่อวันที่ 31 พ.ค. มีทั้งสิ้น 4.279 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็น 41.08% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 30,865.53 ล้านบาท  เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 3,016,739.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21,668.56 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,073,735.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,653.12 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 158,207.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.26 ล้านบาท ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 30,582.45 ล้านบาท ลดลง 473.35 ล้านบาท เนื่องจากหนี้สินหมุนเวียนลดลง ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง 

นายจักรกฤศฏิ์  กล่าวต่อว่า  หนี้รัฐบาลกู้โดยตรงภายในประเทศเพิ่มขึ้นจากการออกพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ 26,000 ล้านบาท ไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง 4,000 ล้านบาท แต่หนี้ต่างประเทศนั้นลดลง 8,542.10 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐลดลง 303.08 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 871.19 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 7.52 ล้านเหรียญสหรัฐ        
     
ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินนั้นเพิ่มขึ้นจาก การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) ได้ออกพันธบัตร 1,000 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มากกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ 4,916.86 ล้านบาท รวมทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ไถ่ถอนพันธบัตร 856 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไถ่ถอนพันธบัตร 90 ล้านบาท  ปัจจุบัน หนี้สาธารณะทั้ง 4.279 ล้านล้านบาทนั้น แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 342,280.70 ล้านบาท หรือ 8% และหนี้ในประเทศ 3.936 ล้านล้านบาท หรือ 92% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง เป็นหนี้ระยะยาว 4.231 ล้านล้านบาท หรือ 98.87% และหนี้ระยะสั้น 48,172.03 ล้านบาท หรือ 1.13%.