ก.พลังงาน ออกประกาศกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ก๊าซแอลพีจีภาคอุตฯ มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 19 ก.ค. เป็นต้นไป
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ทางกระทรวงได้ดำเนินการตามนโยบายของ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี ในภาคอุตสาหกรรมให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป
โดยมีการปรับราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีไตรมาสละ 3 บาทต่อกิโลกรัม รวม 4 ไตรมาส หลังจากการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม นี้ เป็นต้นไป
โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ออกประกาศเรื่อง การกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับก๊าซแอลพีจี ที่จำหน่ายให้โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป
โดยกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ที่เป็นผู้จำหน่ายก๊าซแอลพีจีให้โรงงานอุตสาหกรรม ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม ในไตรมาสนี้ 2.80 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น 3 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบัน 18.13 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มเป็น 21.13 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ นายณอคุณ กล่าวด้วยว่า ภาครัฐมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เนื่องจากราคาขายปลีกที่สะท้อนต้นทุนแอลพีจีที่แท้จริง ควรอยู่ที่ 30.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ปัจจุบันภาครัฐได้กำหนดให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี อยู่ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี ต่ำกว่าราคาขายปลีกที่ควรจะเป็น12.37 บาทต่อกิโลกรัม