รถแท็กซี่ ตกหลุมขนาดใหญ่บนถนนสายศรีราชา-บ่อวิน พลิกคว่ำทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย
ตำรวจ สภ.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพสมาคมเพียว เยี้ยง ไท้ ศรีราชา ได้รับแจ้งเหตุมีรถยนต์พลิกคว่ำกลางถนน เส้นทางสายเศรษฐกิจ ศรีราชา – บ่อวิน พื้นที่ หมู่ 3 ตำบลบ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบรถยนต์แท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า สีชมพู ทะเบียน ทย-2204 กทม. ของ บริษัท วี อาร์ พี ทรานสปอร์ต พลิกคว่ำตกข้างถนน สภาพรถเสียหายยับเยิน
ทั้งนี้ใกล้กันนั้นพบศพ นางอารีรัตน์ แซ่เตียว อยู่บ้านเลขที่ 60 ซอยลาดพร้าว 64 แยก 12 แขวงวังทองหลาง แขวงทองหลาง กทม. เสียชีวิตอยู่ข้างรถคันดังกล่าว สภาพศพแขนขาและคอหัก และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 3 คน เป็นชาย 1 หญิง 2 คน โดยมีเจ้าหน้าทีหน่วยกู้ภัยได้ช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล อ่าวอุดม ไปก่อนหน้านี้แล้ว
จากการสอบถามนายบุญมา ถนอมวัฒนา อยู่บ้านเลขที่ 121/5 หมู่ 6 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. คนขับรถ ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ให้การว่า ขับรถมาจากกรุงเทพฯ มากับญาติๆกันรวมทั้งสิ้น 5 คน เพื่อมาหาพื้นที่ขายของที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ระยอง ขณะกำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯ จนมาถึงที่เกิดเหตุ ถนนเส้นทางสายดังกล่าวได้มีหลุมขนาดใหญ่อยู่กลางถนน ซึ่งขับรถยนต์วิ่งมาด้วยความเร็วหักหลบไม่ทัน เป็นเหตุให้รถตกหลุมอย่างแรง จนล้อรถฝั่งขวาด้านหน้าระเบิดและรถได้เสียหลักพลิกคว่ำหลายตลบเป็นเหตุให้นางอารีรัตน์ซึ่งเป็นแม่ค้าขายปลาท่องโก๋อยู่แถวตลาดลาดพร้าวที่นั่งมาด้วยกันเสียชีวิต ส่วน นายเทพ นางหมู และนางแดง ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งนั่งมาด้วยกัน ได้รับบาดเจ็บ ดังกล่าว
สำหรับถนนเส้นทางสายเศรษฐกิจ ศรีราชา – บ่อวิน เส้นทางดังกล่าว เป็นเส้นทางสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างนิคมอุตสาหกรรมต่างๆในอำเภอศรีราชา และ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยจะมีรถบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์วิ่งขนส่งสินค้ามาจากนิคมอุตสาหกรรมต่างๆไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ในแต่ละวันจำนวนหลายเที่ยว จึงส่งผลทำให้ถนนเส้นทางสายดังกล่าว ชำรุดเสียหายและเป็นหลุมเป็นบ่อหลายจุดและทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง แต่ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปรับปรุงแต่อย่างไร จนกระทั่งมาเกิดเหตุล่าสุด ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว
ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน หลายครั้ง ว่าเส้นทางสายดังกล่าวมีอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท ซึ่งชาวบ้านต่างวิงวอนให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งหาทางซ่อมแซมแก้ไขโดยด่วน เพราะหากไม่แก้ไขก็จะเกิดอุบัติเช่นนี้อีก และอาจจะรุนแรงมากกว่านี้ก็เป็นไปได้