เรือบรรทุกสินค้าล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยาอีกแล้ว คราวนี้เป็นเรือบรรทุกทรายจากอ่างทองล่องมาถึงพื้นที่ อ.บางบาล เมืองกรุงเก่า
ห่างจากจุดที่เรือบรรทุกทรายล่มคราวที่แล้วแค่ 10 กม. เรือยนต์ลากจูงเกิดเครื่องขัดข้อง เจ้าของเลยปล่อยไหลตามกระแสน้ำ เรือบรรทุกทรายลำที่ 4 เกิดกระแทกตลิ่งจนรั่ว ก่อนจมลงอย่างรวดเร็วพร้อมทราย 160 คิว โชคดีไม่ส่งผลสิ่งแวดล้อม และไม่กีดขวางการจราจรทางน้ำ กรมเจ้าท่าสั่งกู้ให้เสร็จภายใน 3 วัน
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 28 มิ.ย. พ.ต.ท.สมยศ คำอยู่ พนักงานสอบสวน สภ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
ได้รับแจ้งมีเหตุเรือบรรทุกสินค้าล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บริเวณหมู่ 9 ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูวดิท ชนะคชภัทร์ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา น.ท.รชต ผกาฟุ้ง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่า สาขาอยุธยา นางวิมล ไชยวัฒน์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเรือบรรทุกสินค้าขนาด 200 ตัน กว้าง 6 เมตร ยาว 22 เมตร กินน้ำลึก 2.50 เมตร ชื่อเรือ “น้องทราย” ซึ่งบรรทุกทรายมาประมาณ 160 คิว จมอยู่กลางแม่น้ำมีเพียงส่วนท้ายเรือโผล่พ้นน้ำ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
จากการสอบสวนนายสมเกียรติ ราชญาณ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 9 ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล
ซึ่งเป็นเจ้าของเรือบรรทุกทรายดังกล่าว และเป็นคนขับเรือยนต์ “โชคประเสริฐทรัพย์” ที่ขับโยงนำหน้าเรือบรรทุกทรายให้ข้อมูลว่า เรือที่พ่วงมามี 4 ลำ รับทรายมาจากท่าลงทรายเฉลิมชัย อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ล่องมาตามลำน้ำเจ้าพระยา เมื่อมาถึงช่วงบริเวณหน้าวัดจุฬามณี อ.บางบาล เครื่องยนต์ของเรือลากจูงเกิดขัดข้อง ตนจึงปล่อยไหลมาตามลำน้ำ แต่เรือลำที่จมซึ่งอยู่ลำที่ 4 ท้ายเรือไปกระแทกกับตลิ่งทำให้ท้องเรือรั่วและน้ำซึมเข้ามา จนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทัน จึงต้องปล่อยเชือกของเรือบรรทุกทรายลำท้ายและปล่อยให้จมลง
ด้าน น.ท.รชต กล่าวว่า จุดที่เรือบรรทุกทรายลำนี้ล่ม ห่างจากจุดที่เรือบรรทุกน้ำตาลล่มเหนือขึ้นไปประมาณ 10 กม.
แต่ครั้งนี้ไม่หนักเท่ากับเมื่อครั้งที่เรือน้ำตาลล่ม เพราะสินค้าที่อยู่ในเรือเป็นทราย ไม่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการล่มของเรือก็ไม่ได้ขวางลำน้ำ และไม่ได้ขวางการสัญจรทางน้ำของเรือสินค้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามในคืนนี้จะให้เจ้าหน้าที่นำทุ่นมาทิ้งทำเป็นแนวเขตอันตราย เพื่อให้เป็นที่สังเกตของคนเดินเรือทั้งหมด พร้อมติดไฟส่องสว่าง และจะให้เจ้าของเรือเร่งกู้เรือโดยเร็วภายใน 3 วัน หากกู้ไม่ได้กรมเจ้าท่าจะนำเครื่องมือมาทำการกู้ เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มมากขึ้นอีก ซึ่งจะทำให้การกู้เรือมีความลำบากมากขึ้น.