ด้านความเคลื่อนไหวฝ่ายกัมพูชา ผู้สื่อข่าวจังหวัดศรีสะเกษรายงานว่า มีการได้สับเปลี่ยนกำลังทหารราบ
พร้อมกับรถถังรุ่นที 54 และที 55 ที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนวเทือกเขาพนมดงรัก เริ่มตั้งแต่ อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ฝั่งตรงข้ามกับ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เรื่อยไปจนถึง อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ฝั่งตรงกันข้ามกับ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อย่างคึกคักเพื่อรองรับสถานการณ์เช่นกัน โดยได้มีประกาศรับสมัครพลทหารจากพลเรือนทั่วไปจำนวน 5,000 นาย เพื่อประจำการตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมมีการเลื่อนยศให้กับผู้บังคับบัญชา หน่วยทหารชายแดน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ
ขณะเดียวกัน พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการและเสนาธิการร่วม กองทัพแห่งชาติกัมพูชา พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารบก
ได้ร่วมกันประดับยศระดับพลตรีจำนวน 36 นาย ระดับพันเอกพิเศษ (พลจัตวา) จำนวน 16 นาย และพันโท1 นาย ซึ่งเป็นนายทหารระดับสูง ระดับผู้บัญชาการ และรองผู้บัญชาการระดับกองพลน้อยแนวหน้า ที่ฐานบัญชาการสันติภาพจุด 5 มกรา ในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และได้ทำพิธีประดับยศนายทหารระดับสูง จำนวน 5 นาย ซึ่งเป็นผู้บัญชาการระดับกองพันน้อย ป้องกันดินแดนทางบก ในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ที่ฐานบัญชาการแนวหน้าบนภูมะเขือ พร้อมสร้างบ้านแจกให้ครอบครัวทหารด้วย
ส่วนที่ชายแดนเริ่มมีสัญญาณส่อปะทะ โดยเมื่อเวลา 13.30 น. พ.อ.(พิเศษ) เนี๊ยก วงษ์ รองผู้บัญชาการ กองพลน้อยทหารราบที่ 43 ประจำสมรภูมิด้านที่ 3
ปราสาทตาเมือนธม ได้รายงานต่อหน่วยเหนือว่า ทหารไทยได้ขุดสนามเพลาะเคลื่อนที่เป็นจำนวนมาก พร้อมขึงตาข่ายสีเขียวล้อมรอบ ตามแนวป้องกันใกล้ปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากเกรงว่าทหารกัมพูชาจะมองเห็นที่ตั้งของฐานทัพไทย ตนจึงขอให้ทหารไทยรื้อตาข่ายออก เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธมเห็นธรรมชาติที่อยู่รอบที่ตั้งปราสาท แต่ทหารไทยตอบกลับมาว่า ถ้าจะให้รื้อตาข่ายออกก็ขอให้ทหารกัมพูชาถมสนามเพลาะ ที่ขุดไว้ใกล้ทางขึ้นปราสาทด้วย ทั้งนี้การเจรจาไม่สามารถหาข้อยุติได้ ท่ามกลางบรรยากาศที่เครียดมาก การปะทะสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา