พ้อไทยไร้เครื่องตรวจ“อีโคไลสายพันธุ์ใหม่”

“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ยืนยันยังไม่พบเชื้ออีโคไลสายพันธุ์ใหม่ในสินค้าเกษตรไทย แถมพ้อยังไร้เครื่องตรวจ

วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านนำเข้าผัก-ผลไม้จากต่างประเทศเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบด้วยการสุ่มเก็บตัวอย่าง ผักและผลไม้ ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรปหรือ อียู มากขึ้น หลังจากที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล สายพันธุ์ โอ104  ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ พร้อมยอมรับว่ากรมวิชาการเกษตรไม่มีเครื่องมือที่จะตรวจสอบเชื้ออีโคไลสายพันธุ์ใหม่ชนิดนี้ได้อย่างชัดเจน เพราะที่มีอยู่สามารถตรวจสอบได้แต่เชื้ออีโคไลสายพันธุ์เดิมเท่านั้น

นายจิรากร กล่าวต่อว่า เบื้องต้นทราบข้อมูลว่าเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อาจจะเกิดจากการใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่ไม่สมบูรณ์
 
ดังนั้นบริเวณที่มีการผลิตปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักอินทรีย์ในประเทศ ก็จะเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้กำหนดมาตรฐานควบคุมระบบการจัดการการผลิตสินค้าเกษตร เพื่อการบริโภค และเพื่อการส่งออกให้ปลอดจากเชื้อจุลทรีย์โดยอาศัยพื้นฐานการผลิตที่ดีตั้งแต่การผลิตในแปลงที่ต้องตรงตามมาตรฐาน จีเอพี และยังครอบคลุมไปถึงระบบการผลิตในโรงคัดแยกบรรจุเพื่อพัฒนาระบบการผลิตให้มากยิ่งขึ้น

"ส่วนสินค้าในกลุ่มปศุสัตว์นั้นกรมปศุสัตว์ได้ออกมาตรการในการควบคุมและป้องกัน การติดเชื้ออีโคไลในการนำเข้าอาหารประเภทเนื้อสัตว์ผ่านด่านกักกันสัตว์ของกรมฯ ทั้ง 3 แห่ง คือ ด่านกักกันสัตว์สุวรรณภูมิ ด่านกักกันสัตว์กรุงเทพทางน้ำ และด่านกักกันสัตว์ชลบุรี ซึ่งจากการตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าจากสหภาพยุโรปด้านปศุสัตว์พบว่ามีเพียง 2 กลุ่ม คือ 1.ตับเป็ดจากฝรั่งเศสและฮังการี่ 2.ตับสุกรสำหรับผลิตไส้กรอก ทั้งนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยืนยันยังไม่พบเชื้อแบคทีเรียอีโคไลสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย" นายจิรากร กล่าว.