นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด
ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าข้าวตราฉัตร ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังราคาขายปลีกข้าวสารบรรจุถุงในประเทศและราคาขายข้าวในตลาดโลก จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมีปัจจัยจากผลผลิตข้าวทั่วโลกเกิดปัญหาภัยธรรมชาติทำให้มีผลผลิตน้อยลง ประกอบกับความต้องการบริโภคข้าวทั่วโลกสูงขึ้น ขณะเดียวกัน นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ 2 พรรคที่เกี่ยวกับราคาสินค้าเกษตรส่งผลให้ราคาข้าวสูงขึ้นเช่นกัน โดย พรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศให้กำไรจากโครงการประกันรายได้เกษตรกรเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันที่ให้กำไร 40% หรือคิดเป็นราคาประกันประมาณ 12,000 ตัน จากที่ปัจจุบันอยู่ประมาณ 11,000 บาทต่อตัน ส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศสูงขึ้น 5-10% ส่วนพรรคเพื่อไทย ที่ใช้นโยบายรับจำนำราคา แบ่งเป็น ข้าวเปลือกรับจำนำ 15,000 บาท และข้าวหอมมะลิ 20,000 บาท จะทำให้ราคาข้าวในประเทศสูงขึ้นถึง 40%
ทั้งนี้ นโยบายที่พรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคประกาศออกมาเพื่อหวังผลให้ราคาข้าวสูงขึ้น มองว่า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
โดยข้อดีจะทำให้กลุ่มชาวนาที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศจำนวน 20 ล้านคน มีรายได้สูงขึ้น และมีเงินในการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น จนทำให้เศรษฐกิจของประเทศปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย ในที่สุดภาครัฐจะมีเงินภาษีจำนวนมหาศาล แต่ทั้งนี้ การประกาศนโยบายออกมาต้องดูว่าในทางปฏิบัติสามารถดำเนินการได้อย่างแท้จริงหรือไม่ และหากราคาข้าวที่สูงขึ้นมากจนถึงระดับ 40% เชื่อว่าจะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกปั่นป่วนอย่างแน่นอน และกระทบต่อกลไกราคาสินค้าในตลาดโลก เพราะไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลก ขณะเดียวกันยังทำให้กลุ่มประเทศที่ยากจน เช่น ในทวีปแอฟริกา ที่นิยมบริโภคข้าวเป็นอาหารหลักได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย
“ในฐานะภาคเอกชนไม่สามารถบอกได้ว่าเห็นด้วยกับนโยบายของพรรคการเมืองใดเป็นพิเศษ แต่มองว่า เป็นนโยบายที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่อยู่ที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องนี้ว่าเห็นด้วยกับนโยบายประกันราคาแบบเดิม หรือกลับไปใช้นโยบายรับจำนำ โดยปัจจุบันราคาข้าวขาวอยู่ที่ 8,500 บาทต่อตัน และข้าวหอมมะลิอยู่ที่ 14,000 บาทต่อตัน”
อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวตราฉัตรในขณะนี้ยังไม่มีแผนปรับราคาขายขึ้นแต่อย่างใด
และตั้งเป้าหมายว่าในปี 54 จะมียอดขาย 1.1 ล้านตัน เติบโต 10% แบ่งเป็น ตลาดในประเทศ 400,000 ตัน และส่งออก 700,000 บาท โดยเน้นส่งออกมากขึ้น เพราะราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวดีขึ้นมาก แตกต่างจากตลาดในประเทศช่วงครึ่งปีแรกที่มีราคาลดลงเล็กน้อย ส่วนรายได้รวมของบริษัทในสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 26,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7-8%.