นางสาวกิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าววันที่ 8 มิถุนายนว่า
การที่พรรคการเมืองหาเสียงด้วยนโยบายเพิ่มรายได้ และลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้เงิน และอาจทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น แต่เชื่อว่า ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะได้เป็นรัฐบาลก็คงจะควบคุมการใช้งบประมาณ เพราะประเทศไทยให้ความสำคัญกับการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะ เนื่องจากหากรัฐบาลชุดใหม่สร้างปัญหาดังกล่าวจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายช่วยเหลือประชาชน ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับประโยชน์เฉพาะกลุ่ม เช่น กองทุนหมู่บ้านที่เน้นช่วยเหลือรากหญ้า เพื่อให้บรรลุผล เพราะไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการดำเนินนโยบายดังกล่าว
ด้านนายเฟรดเดอร์ริโก้ จิล ซานเดอร์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของไทยยังปรับตัวสูงขึ้นต่อไป เนื่องจากรัฐบาลจะทยอยยกเลิกมาตรการควบคุมราคาสินค้าและเลิกอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร แต่เชื่อว่าเงินเฟ้อในไทยจะไม่รุนแรงจนเกิดปัญหาวิกฤตด้านราคา เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกมาตรการควบคุมเงินเฟ้อได้