คนขึ้นเรืออ่วม หลังกรมเจ้าท่าไฟเขียวขึ้นค่าเรือโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยา-คลองแสนแสบ 1 บาท เรือข้ามฟากขึ้น 50 สตางค์ มีผล 20 มิ.ย.นี้ อ้างน้ำมันแพงต้นทุนพุ่ง “ถวัลย์รัฐ” แฉผู้ประกอบการเคยร่อนหนังสือหยุดเดินเรือ แต่เจ้าท่าเบรกไว้ทัน คาดอนาคตเรือโดยสารมีสิทธิสูญพันธุ์ เหตุรถไฟฟ้าดูดคนใช้บริการ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 พ.ค. ที่กรมเจ้าท่า นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรือโดยสารประจำทาง
เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการ ว่า ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติปรับขึ้นค่าเรือโดยสาร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.นี้ เนื่องจากผู้ประกอบการโดยสารเรือมีต้นทุนสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลปรับสูงขึ้นเกินกว่าเพดานที่กรม ฯ และผู้ประกอบการโดยสาร ตกลงไว้ที่ 25–29 บาทต่อลิตร แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 29.99 บาท มาระยะหนึ่งแล้ว สำหรับอัตราค่าโดยสารใหม่ คือ เรือด่วนเจ้าพระยาปรับขึ้นระยะละ 1 บาท โดยแบ่งเป็นเรือด่วนเจ้าพระยาธงธรรมดา อัตราค่าโดยสารใหม่ 10, 12 และ 14 บาท เรือด่วนเจ้าพระยาธงส้ม อัตราค่าโดยสารใหม่ 15 บาทตลอดสาย เรือด่วนเจ้าพระยาธงเหลือง อัตราค่าโดยสารใหม่ 20 และ 29 บาทตลอดสาย และเรือด่วนเจ้าพระยาธงเขียว อัตราค่าโดยสารใหม่ 13, 20 และ 32 บาทตลอดสาย จากเดิม 12, 19 และ 31 บาทตลอดสาย
ส่วนเรือคลองแสนแสบ ปรับขึ้นระยะละ 1 บาท อัตราค่าโดยสารใหม่เที่ยวละ 10, 12, 14, 16, 18 และ 20 บาท และเรือข้ามฟาก ปรับขึ้นเที่ยวละ 0.50 บาท
โดยจะให้ปรับขึ้น 3 ท่าก่อน คือ ท่าสี่พระยา-คลองสาน อัตราค่าโดยสารเป็น 3.50 บาท ท่าตากสิน-สาทร อัตราค่าโดยสารเป็น 3.50 บาท และท่าพระสุมทรเจดีย์-วิบูลย์ศรี อัตราค่าโดยสารเป็น 4 บาท สำหรับผู้โดยสารที่ใช้บริการเป็นประจำ สามารถซื้อคูปอง ซึ่งจะได้ส่วนลด 0.50 บาท ส่วนท่าอื่น ๆ อยู่ระหว่างการพิจารณา
อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวต่อว่าทั้งนี้อัตราค่าโดยสารดังกล่าวคิดบนพื้นฐานราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 29-33 บาท
หากในอนาคตราคาน้ำมันปรับลดลงต่ำกว่าลิตรละ 29 บาท ผู้ประกอบการจะต้องปรับลดค่าโดยสารลงระยะละ 1 บาททันที และได้อนุมัติปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การจัดเก็บค่าโดยสารสำหรับผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เป็นคิดครึ่งราคา จากเดิมไม่เก็บค่าโดยสาร ส่วนเด็กที่ไม่ต้องเสียค่าโดยสาร จะต้องมีความสูงไม่เกิน 90 ซม. จากเดิมสูงไม่เกิน 110 ซม. เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บค่าโดยสารของการขนส่งรูปแบบอื่น เช่น รถไฟ ขสมก. โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.นี้ หรืออีก 6 เดือน ขณะที่ผู้พิการ พระภิกษุ และสามเณร สามารถใช้บริการฟรีได้เช่นเดิม
นอกจากนี้กรมฯ ได้ตรวจสอบพบว่า กำไรของผู้ประกอบการลดต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ประมาณ 20% อยู่ที่ประมาณ 10%
และท่าเรือข้ามฟากบางแห่งถึงกับขาดทุน ผู้โดยสารลดลงกว่า 60% เนื่องจากมีรถไฟฟ้าให้บริการ และขณะนี้การขนส่งทางน้ำค่อนข้างน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเรือด่วนเจ้าพระยาเชื่อว่าอีก 8 ปีข้างหน้าเมื่อโครงการรถไฟฟ้าต่าง ๆ ก่อสร้างแล้วเสร็จ ประกอบกับมีสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ประชาชนจะไม่ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา เพราะมีทางเลือกในการเดินทางรูปแบบอื่นที่สะดวกกว่า ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยาก็จะปรับรูปแบบเป็นเรือท่องเที่ยวและเป็นเพียงสัญลักษณ์ว่าครั้งหนึ่งเคยให้บริการเท่านั้น ที่ผ่านมาผู้ประกอบการก็ได้ขอปรับราคาค่าโดยสารเรือมาตั้งแต่ ต.ค. ปี 53 ซึ่งกรมฯ ก็ได้ดึงราคามาถึง 8 เดือนแล้ว และก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการเรือโดยสารเจ้าพระยา ได้ทำหนังสือมาขอยกเลิกเดินเรือธงธรรมดา โดยบอกว่า เริ่มขาดทุนแล้ว แต่ทางกรมฯได้ขอความร่วมมือให้บริการต่อไป ไม่เช่นนั้นผู้โดยสารจะเดือดร้อน
ด้านนายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า
ขณะนี้หลายสำนักมีการปรับประมาณการราคาน้ำมันดิบปี54-55ใหม่ให้สูงขึ้น โดยโกล์ดแมน แซค์ และมอร์แกน สแตนเลย์ ได้ปรับประมาณการราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปี 54 เพิ่มขึ้นเป็น 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจาก 105 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และปรับประมาณการในปี55 เพิ่มขึ้นเป็น 130-140 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากยังมีความกังวลกรณีที่ปริมาณน้ำมันจากลิเบียที่หายไป ประเทศกำลังพัฒนายังมีความต้องการใช้น้ำมันต่อเนื่อง
ส่วน นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือเอสจีพี กล่าวว่า
หากในเดือน ก.ค.นี้ ภาครัฐมีนโยบายลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมจริง บริษัทจำเป็นต้องปรับราคาจำหน่ายก๊าซแอลพีจีขึ้นตาม เป็นกิโลกรัมละประมาณ 20 บาท จากปัจจุบันราคากิโลกรัมละ 13.68 บาท ซึ่งในช่วงแรกอาจมีผลกระทบกับลูกค้าบ้าง เพราะราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก แต่ในส่วนบริษัทคงไม่มีกำไรเพิ่มมากนัก เนื่องจากมีต้นทุนเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มราคาแอลพีจีที่สูงขึ้นในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก.