นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า สั่งให้กรมการค้าภายในเร่งทำหนังสือส่งถึงคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.)
ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อเรียกประชุมทบทวนลดราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มบรรจุขวดลงขวดละ 5 บาท หรือจากขวดละ 47 บาท เหลือ 42 บาท หลังจากราคาผลปาล์มดิบในตลาดปรับลดลงจาก กก.ละ 8-10 บาท เหลือเพียง 4-5 บาทประกอบกับขณะนี้มีผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการของตลาดแล้ว
“การขอปรับลดราคาน้ำมันปาล์มในตอนนี้ ถือว่าเป็นการทำตามกลไกตลาด เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงเกิดวิกฤติปาล์มขาดแคลน กระทรวงพาณิชย์ก็พิจารณาปรับขึ้นราคาให้สอดคล้องกับภาวะตลาด แต่เมื่อตอนนี้ผลปาล์มออกมาจำนวนมาก ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มก็ลดลง ดังนั้น ราคาปลีกจึงน่าจะปรับลดตาม ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย ที่ระบุว่าตอนนี้ผลปาล์มกำลังล้นตลาด”
ทั้งนี้ เชื่อว่า นายสุเทพ จะเห็นด้วยกับแนวทางนี้หากคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน เพราะขณะนี้ต้นทุนการผลิตปาล์มลดลงจริง
ดังนั้นประชาชนควรได้รับความเป็นธรรมในการซื้อน้ำมันปาล์มด้วย และที่สำคัญขณะนี้การจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดตามท้องตลาดและห้างสรรพสินค้า ก็มีการจัดโปรโมชั่นขายต่ำกว่าเพดานที่กำหนดแล้ว เหลือเพียงขวดละ 44.50-45 บาทเท่านั้น ซึ่งสะท้อนว่าราคาต้นทุนปาล์มถูกลง และผู้ผลิตสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า ประชาชนยังร้องเรียนให้รัฐบาลทบทวนการจ่ายชดเชยการรับซื้อผลปาล์มแก่โรงสกัด กก.ละ 1.50 บาทอีกด้วย
เนื่องจากเป็นการทำให้กลไกตลาดถูกบิดเบือน ทั้งที่ปัจจุบันผลผลิตออกมามาก และราคากลับเข้าสู่ภาวะปกติ ดังนั้นการจ่ายชดเชยอย่างต่อเนื่อง จะทำให้รัฐบาลเสียงบประมาณจำนวนมาก และทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มไม่ลดลง ทั้งที่ราคาในตลาดโลก โดยเฉพาะมาเลเซีย ปรับตัวลดลงมาแล้ว
นอกจากนี้ ที่สำคัญการจ่ายชดเชยการรับซื้อผลปาล์ม ผลประโยชน์ยังไม่ได้ตกแก่เกษตรกร
เพราะการจ่ายเงินชดเชยเป็นการจ่ายให้โรงสกัดโดยตรง และให้โรงสกัดไปรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกรราคา กก.ละ 6 บาท แต่ในความเป็นจริงเกษตรกรกลับไม่ได้ขายได้ในราคา 6 บาท เพราะถูกโรงสกัดกดราคารับซื้อ โดยอ้างว่าปริมาณน้ำมันในผลปาล์มมีไม่ถึง 17% และขายได้ไม่เกิน กก.ละ 5 บาท ส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของงบประมาณโดยไม่จำเป็น
ด้านแหล่งข่าวจากสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไม่เห็นด้วยที่จะปรับลดเพดานราคาควบคุมจาก 47 บาท เหลือ 42 บาท เพราะปริมาณผลผลิตปาล์มดิบยังไม่ชัดเจนว่า มีเพียงพอต่อความต้องการ โดยจะชี้แจงไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของกระทรวงพาณิชย์
“เร็วเกินไปที่จะปรับลดเพดาน หากปรับควรเป็นอีก 3 เดือนข้างหน้า เพราะต้นทุนซื้อปาล์มดิบที่รัฐบาลกำหนดราคารับซื้อ แม้จะจ่ายชดเชยให้ก็ยังสูง หากลดเหลือ 42 บาท ก็จะทำให้เอกชนแบกรับภาระลิตรละ 8 บาท ตอนนี้แม้เพดานกำหนดราคาไว้ 47 บาท แต่ก็จะพบว่าขายจริงไม่ถึงเพดาน เพราะผู้ผลิตบางส่วนที่ไม่ได้อยู่ในสมาคมหรือเข้าโครงการชดเชยของรัฐ ซื้อน้ำมันดิบปาล์มในราคาถูก ทำให้ราคาขายต่ำกว่า 44 บาท เป็นส่วนใหญ่”
รายงานข่าวแจ้งว่า มติเดิมของ กนป. กำหนดจะเรียกประชุมทุก ๆ 15 วัน เพื่อพิจารณาสถานการณ์ปาล์มน้ำมันทั้งระบบ
โดยประชุมครั้งล่าสุดไปเมื่อ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เลยกำหนดไป 15 วันแล้ว แต่กลับยังไม่มีการพิจารณา ทั้งที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบลดลงมาก โดยเฉพาะผลปาล์มดิบลดลงเหลือเพียง กก.ละ 4.80 บาท ต่ำกว่าราคาที่ กนป. ขอความร่วมมือให้โรงสกัดรับซื้อกับกลุ่มเกษตรกร กก.ละ 6 บาท.