นางสาววิไลวรรณ นัดวิไล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหาความแออัดบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ในระยะยาวสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้ทุ่มงบประมาณ 76 ล้านบาทติดตั้งระบบตรวจหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) อัตโนมัติ 16 จุด แบ่งเป็นขาเข้า 8 จุด และขาออก 8 จุด เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถนำพาสปอร์ตไปตรวจเช็คได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ของ ตม.คอยกำกับดูแล จะช่วยลดเวลาการตรวจจากปกติ 45 วินาทีต่อคน เหลือ 25 วินาทีต่อคนได้ เบื้องต้นจะให้คนไทยใช้บริการก่อน คาดว่าจะสามารถให้บริการได้ในปลายปีนี้
นางสาววิไลวรรณกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งจัดทำเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) เพื่อจัดทำระบบความเย็นภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
หลังจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อนุมัติงบประมาณ 700 ล้านบาท ให้ดำเนินการแล้ว คาดว่าภายในปีนี้จะสามารถหาบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการได้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นคนละส่วนกับบริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด (ดีแคป) ผู้ดูแลระบบทำความเย็นในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะโครงการนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด ส่วนดีแคปดำเนินการในส่วนที่เคยทำอยู่ต่อไป
ว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า จำนวนผู้โดยสารที่เข้าใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วงเดือนพฤษภาคม ประมาณ 1 แสนคนต่อวัน มีเที่ยวบินขึ้นลงประมาณ 700-800 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 4%