นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ให้กรมการค้าภายในตรวจสอบข้อเท็จจริงปริมาณและราคาปาล์มน้ำมัน
หลังพบว่าสถานการณ์น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคคลี่คลาย ราคาขายปลีกลดลงและรับซื้อปาล์มดิบได้ต่ำกว่าราคาประกันรายได้ของรัฐ กก.ละ 6 บาท แต่ขายได้จริงไม่ถึง 4-5 บาท ราคาขายปลีกเหลือต่ำกว่าลิตรละ 44 บาทแล้ว ก็จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธาน ทบทวนราคาควบคุมขายปลีกลิตรละ 47 บาท และจ่ายชดเชยรับซื้อปาล์มดิบรับซื้อปาล์มต่ำกว่า 6 บาท เดิมกำหนดถึงเดือนมิถุนายนนี้ สินค้าตัวอื่นก็จะใช้หลักการเดียวกันเมื่อต้นทุนลงก็ควรปรับลดราคาขาย ก็สั่งการให้กรมการค้าภายในจัดทำรายการมา
นางพรทิวากล่าวถึงการพิจารณาอนุมัติราคาสินค้าว่า จะยังไม่มีการอนุมัติให้สินค้ารายใดปรับเพิ่มราคา แม้จะมีการยื่นขอปรับราคาอีกหลายรายการ
เพราะยังไม่เหมาะสมและผู้ประกอบการยังสามารถปรับตัวได้ เช่น สบู่และน้ำมันหล่อลื่น มีผู้ผลิตเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ขอปรับราคา ส่วนใหญ่ยังขายราคาเดิมและสะท้อนว่าผู้ผลิตส่วนใหญ่ยังแบกรับภาระต้นทุนได้ โดยสบู่ขอปรับราคา 26 รายการ อ้างต้นทุนน้ำมันปาล์มเพิ่มจาก 24 บาทเป็น 42 บาท/กก. หรือเพิ่ม 74% จึงขอปรับราคา 12.5-33.3% ขณะที่น้ำมันหล่อลื่น ขอปรับ 16 รายการ อ้างต้นทุนวัตถุดิบเบสออย (Base Oil) เพิ่มขึ้นจาก 745 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในช่วงปลายปี 2552 เพิ่มเป็น 1,280 เหรียญสหรัฐต่อตันในเดือน มี.ค.2554 หรือปรับขึ้น 71% และแจ้งขอปรับขึ้นราคาตั้งแต่ 3.74-4.95% นอกจากนี้ ยังมี ยางรถยนต์ สายไฟฟ้า และแบตเตอรี่ อ้างต้นทุนยาง ทองแดง และตะกั่วขึ้นราคาต่อเนื่อง รวมถึงเหล็กเส้น กรมการค้าภายในก็รับเรื่องไว้พิจารณาและกำลังตรวจสอบสต๊อค แต่ยังไม่ควรจะให้ปรับเพิ่มราคาในขณะนี้ ควรจะเป็นเรื่องของรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดูแลมากกว่า
นางพรทิวากล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเร่งเพิ่มรถเข็นธงฟ้าตามแหล่งชุมชน ภายในต้นสัปดาห์หน้า
หลังได้รับการร้องเรียนราคาอาหารแพงทั้งตามร้านค้าทั่วไป แผงลอย และฟู้ดคอร์ทในห้างสรรพสินค้า เบื้องต้นจะเพิ่มรถเข็นอีก 30 คัน จำหน่ายอาหารพร้อมทานเมนูละ 19-25 บาท บริเวณอนุสาวรีย์ คลองเตย สีลม บางบัวทอง เป็นต้น