เครื่องใช้ไฟฟ้าไทยกระอักสินค้าจีนแดงตีตลาดหนัก

นายศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย ประธาน บริษัท ชาร์ปไทย จำกัด ในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
 
เปิดเผยว่า ในขณะนี้อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยได้รับผลกระทบจากเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกจากประเทศจีนเข้ามาตีตลาดจำนวนมาก และวางราคาขายต่ำกว่าแบรนด์ทั่วไปประมาณ 50% โดยไม่มีการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าไปแล้วเกิดปัญหาสินค้าเสียและไม่มีคุณภาพ หลังจากซื้อไปในระยะเวลาเพียง 1 เดือนหรือ 1 ปี เช่น ราคาหม้อหุงข้าว จากประเทศจีน วางราคาขายเพียง 299 บาท ส่วนแบรนด์อื่นในตลาดวางราคาที่ 600 บาทขึ้นไป
   
ทั้งนี้อยากเสนอให้หน่วยงาน สำนัก งานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  (สมอ.) ที่กำหนดมาตรฐานเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยด่วนที่สุด
 
และออกเกณฑ์กำหนดอายุเครื่องใช้ไฟฟ้าขั้นต่ำ เช่น สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปีขึ้นไป และปัจจุบัน การดูแลมาตรฐานเครื่องใช้ไฟฟ้าของ สมอ.จะควบคุมเพียง 20 รายการเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ทั้งที่จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าในตลาดมีมากกว่า 100 รายการภาครัฐจึงควรเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ของ สมอ. ให้มากขึ้น เพราะขณะนี้จำนวนเจ้าหน้าที่ของ สมอ.มีจำนวนน้อย ทำให้การตรวจสอบดูแลคุณภาพสินค้ามีไม่เพียงพอ ซึ่งหากมีการดูแลเกณฑ์มาตรฐานเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว เชื่อว่าจะทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสินค้าไร้คุณภาพ
   
สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยปี 54 นี้ คาดว่าตลาดจะไม่มีการเติบโตหรืออาจจะติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี จากปีก่อน
 
ตลาดรวมมีมูลค่ารวมมากกว่า 100,000 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 10% เป็นผลมาจากปัญหาสภาพอากาศในไทยปีนี้ที่ไม่ร้อนเท่ากับปีก่อน ทำให้กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 10% ของมูลค่าตลาดทั้งหมดประสบปัญหาขายสินค้าไม่ได้และมีสินค้าค้างสต๊อกจำนวนมากประมาณ 2-3 เดือน นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาสึนามิและแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ทำให้กลุ่มจอแอลซีดีทีวี และกลุ่มแอลอีดีทีวี ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ประสบปัญหาสินค้าขาดตลาด เนื่องจากเมืองที่ผลิตชิ้นส่วนของจอแอลซีดีได้รับผลกระทบจากเหตุสึนามิ
   
ทั้งนี้ประเมินว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยจะไม่มีโอกาสปรับขึ้นราคา แม้ว่าต้นทุนการผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจะสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% แล้วทั้งจากเหล็กและทองแดง เนื่องจากผู้ประกอบการต้องพยายามแก้ไขปัญหาชิ้นส่วนการผลิตสินค้าในกลุ่มจอทีวี ที่กำลังขาดตลาดอยู่ในขณะนี้.