เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงถึง 2 ครั้ง ในเมืองลอร์กา ทางภาคใต้ของสเปน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน และบาดเจ็บอีกหลายราย นับเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบ 50 ปี ของสเปน
จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหววัดได้ที่ระดับ 4.4 และ 5.2 ริคเตอร์ ลึกลงไปใต้พื้นดินเพียง 10 กิโลเมตร เกิดขึ้นใกล้กับเมืองลอร์กา เมื่อเวลา 18.47 น. วานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยครั้งที่ 2 เกิดขึ้นห่างจากครั้งแรกประมาณ 2 ชม. อาคารบ้านเรือนในเมืองลอร์กาของแคว้นมูร์เซีย พังเสียหายจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ขณะที่ชาวบ้านจำนวนมากแตกตื่นมารวมตัวกันตามท้องถนน แรงสั่นสะเทือนยังสามารถรู้สึกได้ไกลถึงกรุงมาดริด ซึ่งอยู่ห่างออกไป 350 กิโลเมตร
ผู้บาดเจ็บจำนวนมากถูกลำเลียงออกมารักษาพยาบาลในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งจัดเป็นโรงพยาบาลชั่วคราว ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีกกว่า 270 ราย ถูกนำส่งยังโรงพยาบาลประจำเมืองลอร์กา ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่ทั้งสิ้น 85,000 คน
ด้านนายกรัฐมนตรีโฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ ซาปาเตโร ผู้นำสเปน เปิดเผยว่ายอดผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นอยู่ที่ 10 ราย สั่งการให้ส่งทหารและหน่วยกู้ภัยลงพื้นที่ เพื่อค้นหาผู้สูญหายและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
ตามข้อมูลของสถาบันภูมิศาสตร์แห่งชาติ นี่ถือเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1956 ในเขตกรานาด้า ทางตอนใต้ของประเทศเช่นกัน ซึ่งครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตจำนวน 12 ราย และบาดเจ็บอีก 70 คน ทั้งนี้ตามรายงานของสถาบันระบุว่า สเปนเกิดเหตุแผ่นดินไหวถึง 2,500 ครั้งต่อปี แต่เป็นขนาดเล็กเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเกิดขึ้นมากในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ มีความรุนแรงที่ 4.5 และ 5.3 ริกเตอร์ตามลำดับ และเกิดขึ้นบริเวณจุดศูนย์กลางเดียวกัน ในระดับความลึกประมาณ 10 กม.ใต้พื้นดิน ทั้งนี้ยูเอสจีเอสระบุว่า เมืองลอร์กามีอาคารและสิ่งก่อสร้างที่เสี่ยงต่อการพังถล่มหากเกิดเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งใกล้กับพื้นที่ที่ยังมีการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกบริเวณใต้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นบริเวณที่เปลือกทวีปยุโรปและแอฟริกามีการซ้อนทับกัน