หลวงพ่อคูณอาการดีขึ้น แต่หมอคาดอยู่รพ.อีกนานกว่าครั้งที่ผ่านมา ยังห่วงเรื่องปอดลุ้นฟื้นตัวช่วยขับเสมหะเอง
วันนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าอาการ หลวงพ่อคูณ ตื่นนอนเมื่อเวลา 06.00 น. พร้อมปฏิบัติกิจส่วนตัว และนอนพักผ่อนอยู่ภายในห้อง ต่อมาคณะลูกศิษย์ได้นำภัตราหารามาถวายซึ่งเป็นของโปรดหลวงพ่อคูณเหมือนเช่นทุกวันโดยหลวงพ่อคูณสามารถฉันท์ได้มากและอาการดีขึ้น ส่วนผลการตรวจวัดร่างกายพบว่าอาการโดยรวมดีขึ้น วัดอุณหภูมิได้ 36.9 องค์ศาฯ ชีพจรเต้น 82 ครั้งต่อนาที หัวใจเต้น 20 ครั้ง ต่อนาที วัดความดัน 116/63 มิลลิเมตรปรอท วัดนำตาลในเลือดได้ 183 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ซึ่งถือว่าผลการวัดเบื้องต้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ต่อมา เวลา 09.30 น. คณะแพทย์ทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและหลอดเลือด แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการทำงานของปอด นพ.สุรินทร์ แซ้ตัง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา และนพ.ชัยวิวัฒน์ ตุงคะเสรีรักษ์ ดูแลเรื่องสมอง และสุดท้าย พญ.วิลาวัลย์ แสงศิรินาคะกุล ดูแลเรื่องโรคติดเชื้อ ได้เข้าตรวจดูอาการอีกครั้ง ซึ่งสรุปได้ว่าอาการหลวงพ่อดีขึ้นตามลำดับ
นายแพทย์ พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชายด้นโรคหัวใจ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า
ผลจากการตรวจพบว่า อาการหลวงพ่อคูณ ดีขึ้นตามลำดับ อาการอ่อนแรงก็ดีขึ้น มีแรงขึ้น ฉันท์ได้มากขึ้น ซึ่งแนวทางการรักษาก็ต้องดูอาการไป หากมีอาการทางด้านใดที่น่าเป็นห่วงก็ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านเข้ามาช่วยดู โดยการเข้ารักษาครั้งก่อนไม่ได้ให้หมอนพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการทำงานของปอด มาช่วยดู แต่ครั้งนี้เมื่อมีอาการไอ มีเสมหะ จึงต้องให้เข้ามาช่วยดูในเรื่องนี้ด้วย หากหลวงพ่อมีอาการด้านใดก็จะให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นเข้ามาช่วยในการดูแลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ กล่าวอีกว่า การให้ยาพ่นเพื่อขยายหลอดลมคงต้องให้ต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น
ควบคู่ไปกับการให้ฉันท์ยาละลายเสมหะเพื่อให้อาการดีขึ้น ส่วนเรื่องน้ำในปอดนั้นจะดีขึ้นมาน้อยเพียงใดส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับหลวงพ่อด้วยว่าจะแข็งแรงขึ้นเร็วแค่ไหน และจะช่วยเราในการไปขับเสมหะออกมาเองได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งการรักษาในส่วนของปอดต้องให้หลวงพ่อคูณช่วยเราด้วยในเรื่องการฟื้นร่างกายและไอขับเสมหะออกมาช่วยอีกทางหนึ่งก็จะทำให้อาการดีขึ้นเร็วตามไปด้วย
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า การกลับมาครั้งนี้ถือว่า น่าเป็นห่วง มีการตรวจพบโรคเพิ่มขึ้นอีก ประกอบกับทางอายุมากแล้ว การฟื้นตัวก็ช้าตามไปจึงยังบอกไม่ได้ว่าจะให้นอนพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอีกอีกวัน แต่เท่าที่ดูอาการคาดว่าในครั้งนี้หลวงพ่อคูณคงต้องนอนพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอีกนานถึงจะอนุญาตให้กลับวัดได้.