รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับร้องเรียนจากกลุ่มผู้ค้าหมูหน้าเขียงตามตลาดสดย่านสมุทรปราการ
ว่าขณะนี้ผู้เลี้ยงหมูรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และชลบุรี ขายหมูเป็นหน้าฟาร์มสูงถึงกก.ละ 75 บาท สูงกว่าราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ 69-70 บาท ทำให้ผู้ขายปลีกหมูเนื้อแดงตามตลาดสด ประสบปัญหาเรื่องต้นทุนสูงขึ้น กำไรลดลง หรือกระทั่งบางวันต้องขาดทุน เพราะมีการแข่งขันด้านราคากันสูง อีกทั้งต้องขายในราคาไม่เกินที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด กก.ละ 140 บาท ดังนั้นจึงต้องการให้กรมการค้าภายในเร่งตรวจสอบพฤติกรรมการขายหมูในพื้นที่เหล่านั้น โดยเฉพาะฟาร์มเลี้ยงขนาดใหญ่
“ขณะนี้ผู้ค้าหมูตามตลาดสด ต้องตกอยู่ในภาวะจำยอม หากฟาร์มขนาดใหญ่ขายแพงเท่าใด ต้องทนซื้อไม่เช่นนั้นไม่มีหมูมาจำหน่ายให้ลูกค้า ต่างจากอดีตที่พอฟาร์มใหญ่ขายแพง จะมีทางเลือกไปซื้อจากชาวบ้าน ในฟาร์มขนาดเล็กแทน เพราะตอนนี้ฟาร์มขนาดเล็กเลิกกิจการไปเกือบหมดแล้ว หลังจากเกิดความผิดปกติในตลาดเมื่อ 2-3 ปีก่อน ที่ราคาหมูเป็นตกต่ำลงมาก จนทำให้เกษตรกรรายย่อยเลิกเลี้ยงไป และขณะนี้มีฟาร์มย่อยเหลือเพียงกว่า 10% เท่านั้น ขณะที่เหลือกว่า 80% เป็นรายใหญ่เกือบทั้งหมด”
ทั้งนี้ปัจจุบันการเลี้ยงหมูเป็นแม้จะมีต้นทุนจากอาหารสัตว์สูงขึ้น แต่ต้นทุนทั้งหมดไม่น่าเกินกก.ละ 55 บาท หากกำไร 10 บาท หรือขายกก.ละ 65 บาทถือว่าเหมาะสม เพราะอดีตที่ผ่านมากำไรหมูเป็นหนึ่งตัวตกเพียง 500-600 บาทเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลับขายถึง กก.ละ 75 บาท จะกำไรมากกว่า 2,000 บาท ส่งผลให้ผู้ขายปลีก และผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน
ส่วนสาเหตุที่อ้างว่าเกิดการสูญเสียเนื้อหมูจากอากาศร้อน และสภาพอากาศแปรปรวนน่าจะมีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เนื่องจากฟาร์มหมูขนาดใหญ่ส่วนมากได้ลงทุนเลี้ยงแบบฟาร์มปิด สามารถควบคุมอุณหภูมิการเลี้ยงได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงไม่น่ามีผลต่อฝนตก หรืออากาศร้อน นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้ออกประ กาศราคาแนะนำหมูเป็นหน้าฟาร์มและราคาหมูเนื้อแดง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคกลาง ตะวันออก และตะวันตก ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มไม่เกิน กก.ละ 70 บาท ราคาขายปลีกหมูเนื้อแดงในตลาดสดไม่เกินกก.ละ 140 บาท พื้นที่จังหวัดภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มไม่เกินกก.ละ 74 บาท ราคาขายปลีกหมูเนื้อแดงไม่เกินกก.ละ 145 บาท พื้นที่จังหวัดภาคใต้ ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มไม่เกินกก.ละ 76 บาท ราคาหมูเนื้อแดงไม่เกินกก.ละ 150 บาท แต่ราคาก็ยังปรับตัวสูงขึ้นจึงต้องห้ามการส่งออก เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนและราคาสุกรมีชีวิตสูงเกินสมควร
นอกจากนี้ยังได้ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่องการส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร ปี 2554
โดยให้ผู้ส่งออกสุกรมีชีวิตชะลอการส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นการชั่วคราวทุกกรณี จนกว่าสถานการณ์ด้านปริมาณและราคาเข้าสู่ภาวะปกติ และหากมีเหตุจำเป็นต้องส่งออกสุกรมีชีวิต ให้ผู้ส่งออกแจ้งสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน เพื่อเสนอกระทรวงพาณิชย์พิจารณาต่อไป
ส่วนการแก้ปัญหาไข่ไก่ราคาแพง กรมการค้าภายในได้ออกประกาศกำหนดราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มใหม่ให้สอดคล้องกับราคาขายจริง
หลังจากที่ปริมาณผลผลิตไข่ไก่มีมากขึ้น โดยกำหนดราคาขายไข่ไก่คละหน้าฟาร์มลดจากเดิม 3.10 บาท เป็น 3.00 บาท ส่งผลให้ราคาแนะนำขายส่งและขายปลีกไข่ไก่ใหม่ เป็นดังนี้ เบอร์ 0 ขายส่งฟองละ 3.60 บาท ขายปลีก 3.90 บาท เบอร์ 1 ขายส่ง 3.40 บาท ขายปลีก 3.70 บาท เบอร์ 2 ขายส่ง 3.30 บาท ขายปลีก 3.60 บาท เบอร์ 3 ขายส่ง 3.20 บาท ขายปลีก 3.50 บาท เบอร์ 4 ขายส่ง 3.10 บาท ขายปลีก 3.40 บาท และเบอร์ 5 ขายส่ง 3.00 บาท ขายปลีก 3.30 บาท.