หมอแนะหลวงพ่อคูณอยู่รพ.อีก1สัปดาห์

(5พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ บ่ายวันนี้คณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

โดยนายแพทย์พินิจจัย  นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด, ด้านการติดเชื้อ, และระบบประสาท เข้าตรวจร่างกายหลวงพ่อคูณ เพื่อตรวจดูอาการล่าสุดของหลวงพ้อคูณหลังจากที่คณะแพทย์ได้ให้ปฏิชีวนะเข้าทางหลอดเลือดดำตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พบว่าร่างกายหลวงพ่อคูณให้การตอบสนองกับยาที่ทางคณะแทพย์จัดให้ โดยหลวงมีคูณมีอาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีไข้วัดได้ 36.2 องศาเซลเซียส ความดันและชีพจรปกติแต่ยังมีอาการไอและเสมหะเป็นมาก และทดลองให้หลวงพ่อคูณทำกายภาพ ยกแขนและขาทั้ง 2 ข้าง หลวงพ่อคูณสามารถยกแขนและขาขึ้นได้เอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าร่างการหลวงพ่อคูณให่การตอบสนองกับยาที่ทางคณะแพทย์จัดให้  อย่างไรก็ตามแพทย์ได้นำเสมหะของหลวงพ่อส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เพื่อวิเคราะห์หาเชื้อ คาดว่าคงจะใช้เวลาประมาณ 3 วันจึงจะทราบผล
 
 นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า
 
สำหรับอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณเริ่มดีขึ้นบ้าง การฉันสามารถฉันได้มากกว่าเมื่อวานนี้ และไข้ไม่มี อาการอ่อนแรงดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนเรื่องปอดอักเสบสำหรับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะหลวงพ่อเข้าโรงพยาบาลอีกรอบในระยะเวลาแค่ 2 วัน ที่ออกไปเป็นตัวบอกถึงภาวะที่เมื่อเทียบกับที่มาน่าเป็นห่วงกว่าครั้งแรก "เราพบว่ามีการอักเสบของปอดชัดเจน เพียงแต่เชื้อจะเป็นอะไรต้องรอผลการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมอีกครั้งก่อน ซึ่งปอดอักเสบที่พบชัดเจนที่สุดข้างหนึ่ง ข้างซ้าย และ มีน้ำในช่องปอด 2 ข้าง แต่ข้างที่มากที่สุดคือข้างซ้าย ว่าไปแล้วการรักษาถือว่าถูกทาง เพราะคราวที่แล้วท่านนอนอยู่ 7 วัน มาด้วยเรื่องติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ไม่ทราบจุดไหน และเชื้ออะไรซึ่งตนยอมรับว่าอาจจะมีการติดเชื้อบางอย่างที่ซ่อนเร้นดังนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการวินิจฉัย เพื่อให้แน่ชัดอีกครั้ง ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเชื้อตัวใหม่หรือตัวเดิม"

 นายแพทย์พินิศจัย กล่าวว่า สำหรับการประเมินอาการหลวงพ่อคูณครั้งนี้จำเป็นต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลศิริราช หรือไม่นั้น คิดว่า โดยหลักการอะไรเป็นเรื่องดีที่สุด สำหรับหลวงพ่อคูณ

คณะแพทย์ทุกคนไม่ลังเลที่จะทำ แต่ ณ วันนี้ตนคิดว่า ถ้าเทียบข้อดี ข้อเสีย กับการที่จะให้หลวงพ่อคูณเดินทางเข้าไปรักษาที่กรุงเทพฯ นั้น ตนคิดว่ายังไม่จำเป็น ส่วนการพักรักษาอาการครั้งนี้คณะแพทย์ ลงความเห็นว่าจะให้พักนานที่สุด และ คราวนี้เป็นปอดบวมเพราะติดเชื้อซ้ำซ้อนในเวลาอันใกล้ คนไข้จะทรุดลงไปเรื่อยๆ ภูมิต้านทานก็จะลดลงไปเรื่อยๆ อาจจะต้องพักรักษาต่อไปอย่างน้อยต้อง 7 วันขึ้นไป ซึ่งตอนนี้ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ แต่เปลี่ยนตัวยาตัวใหม่ และพ่นยาขยายหลอดลมด้วยภายหลังจากตรวจอาการของหลวงพ่อคูณพบว่า หลังจากให้ยาปฏิชีวนะอาการหลวงพ่อคูณเริ่มดีขึ้น ไม่มีอาการไข้แล้ว วัดอุณหภูมิร่างกายได้ 36.2 องศาเซลเซียส ความดันและชีพจรปกติ แขนและขาด้านซ้ายเริ่มมีแรงมากขึ้น แต่ยังมีอาการไอ และภายในลำคอยังมีเสมหะมาก

 จากการตรวจเอ็กซเรย์ปอดเมื่อคืนที่ผ่านมาพบว่าปอดทั้งสองข้างอักเสบเนื่องจากมีอาการติดเชื้อ แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นเชื้อชนิดใด

และมีน้ำในเยื่อหุ้มปอดทั้งสองข้าง โดยอาการปอดอักเสบดังกล่าวคณะแพทย์คาดว่าอาจจะเกิดจากการที่หลวงพ่อคูณเคยป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง โดยในวันนี้คณะแพทย์ได้นำเสมหะของหลวงพ่อส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อวิเคราะห์หาเชื้อ คาดว่าคงจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน จึงจะทราบผล  ซึ่งขณะนี้คณะแพทย์ได้รักษาอาการอาพาธด้วยการพ่นยาขยายหลอดลม ให้น้ำเกลือ และให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ พร้อมกับให้หลวงพ่อคูณนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาต่อไป เพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และกำชับให้งดเยี่ยมเด็ดขาด นายแพทย์พินิจจัยฯกล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์