หมอเผยพ่อคูณน่าห่วงปอดติดเชื้อ-มีน้ำ ส่งทำกายภาพให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อขับเสมหะ ระบุไม่ได้ผลต้องเจาะปอดเอาน้ำออก
เมื่อเดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลคณะแพทย์ที่ทำการรักษาได้ทำการตรวจร่างกายตามขั้นตอนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ก่อนที่จะพาไปนอนพักที่ห้อง 9821 ชั้น 9 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นห้องพักประจำตัวของหลวงพ่อคูณ ซึ่งแนวทางการตรวจรักษาในครั้งนี้ทาง รพ.มหาราช นครราชสีมา ได้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคต่าง ๆ เข้าตรวจรักษาถึง 5 คน ประกอบด้วย นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและหลอดเลือด แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการทำงานของปอด นพ.สุรินทร์ แซ้ตัง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา และนพ.ชัยวิวัฒน์ ตุงคะเสรีรักษ์ ดูแลเรื่องสมอง และสุดท้าย พญ.วิลาวัลย์ แสงศิรินาคะกุล ดูแลเรื่องโรคติดเชื้อ
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานอาการอาพาธ ของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เกจิดังเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
ที่ลูกศิษย์นำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เมื่อเวลา 20.30น. วันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า หลวงพ่อคูณตื่นจากจำวัด เวลา 07.30 น. ก่อนที่จะปฏิบัติกิจส่วนตัวและฉันอาหารที่ลูกศิษย์คนสนิทนำมาถวายประกอบด้วย น้ำพริก ผัดบวบใส่ไข่ แกงจืด ปลาทอด และหมูทอด ซึ่งหลวงพ่อคูณสามารถฉันท์มาก และยังฉันมะละกอสุกได้อีกตั้งหลายชิ้น จากนั้นเวลา 10.00 น. คณะแพทย์ที่ทำการรักษา ได้เข้าตรวจอาการพบว่าอาการโดยรวมดีขึ้นจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่มีไข้ แต่ยังไม่มีแรง และพบว่ายังมีเสมหะอยู่ จึงให้นอนพักภายในห้องและให้งดเยี่ยม พร้อมกับให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ และให้ฉันยาละลายเสมหะ พร้อมกับให้ยาพ่นขายหลอดละทุก 6 ชั่วโมง
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัว เปิดเผยว่า จากการตรวจโดยหมอผู้เชี่ยวชาญพบว่ามีภาวะปอดติดเชื้อและมีน้ำในปอดทั้งสองข้าง
ซึ่งต้องต้องให้หมอเฉพาะทางดูแลในเรื่องดังกล่าว โดยการเข้ารักษาของหลวงพ่อคูณในทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่ออาการดีขึ้นจนอนุญาตให้กลับวัดได้ ท่านก็จะกลับไปพักเพื่อฟื้นฟูร่างกายที่วัดโดยท่านก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นมาเอง แต่ในครั้งนี้หลังจากที่กลับวัดได้ไม่นานก็ต้องนำท่านมารักษาที่โรงพยาบาลอีกโดยสาเหตุเบื้องต้นอาจจะเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุจากสภาพแวดล้อมที่วัด ที่ไม่เหมือนอยู่ที่โรงพยาบาล จึงทำให้เกิดการติดเชื้อจนต้องกลับมารักษาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
“การกลับมาครั้งนี้น่าห่วง พบมีการติดเชื้อเพิ่มเติมในปอดจึงจำเป็นที่จะต้องดูแลเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องที่จะต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่กรุงเทพหรือไม่นั้น ขณะนี้ทางเราคิดว่าการให้ท่านรักษาต่อที่นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องส่งตัวต่อแต่อย่างใด ส่วนการรักษาในครั้งนี้คงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะให้พักรักษานานแค่ในจึงยังไม่มีกำหนดให้กลับ”นพ.พินิศจัย กล่าว
ด้าน นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการทำงานของปอด เปิดเผยว่า จากการตรวจพบว่ามีอาการปอดติดเชื้อและมีน้ำในปอดทั้ง 2 ข้าง
โดยเป็นมากในปอดข้างซ้าย ซึ่งแนวทางรักษาในขณะนี้ก็ให้ฉันยาละลายเสมหะ และให้ยาพ่นขยายหลอดลม แต่การให้ยาก็ไม่ได้มีผลที่ดีที่สุด ซึ่งทางที่ดีที่สุดที่จะต้องทำควบคู่กันไปก็คือการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้ท่านแข็งแรงจนสามารถไอ และขับเสมหะออกมาได้เอง ซึ่งหากไม่สามารถขับเสมหะออกมาได้ และพบว่ามีน้ำในปอดมากก็อาจจะต้องมีการเจาะปอดเพื่อเอาน้ำออกต่อไป