สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ว่า ศูนย์วิจัยด้านบริษัทข้ามชาติ และการศึกษาด้านเพื่อการต่อต้านพฤติกรรมการปฎิบัติอย่างไม่เหมาะสม
ซึ่งเป็นหน่วยงานเอ็นจีโอ ได้เปิดเผยว่า โรงงานฟ๊อกคอนน์ของจีน ซึ่งผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ไอโฟนและไอแพดให้แก่บริษัทแอ๊ปเปิลของสหรัฐ ซึ่งเคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวในฐานะโรงงานนรกที่มีพนักงานก่อเหตุฆ่าตัวตายกว่า 14 ราย ในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา และอีกเป็นจำนวนมากพยายามฆ่าตัวตายและคิดฆ่าตัวตาย เนื่องจากสภาพการทำงานที่กดขี่เข้มงวด ได้บังคับให้พนักงานเซ็นเอกสารยอมรับเงื่อนไขห้ามฆ่าตัวตาย โดยครอบครัวพนักงานเหล่านี้ได้จะรับค่าเสียหายขั้นต่ำ
โดยจากการตรวจสอบบริษัทต่อพนักงานซึ่งมีจำนวน 5 แสนคน พบว่า ฟ๊อกซ์คอนน์ มีพฤติกรรมกดขี่แรงงานหลายรูปแบบ อาทิเช่น มีการใช้แรงงานทำงานล่วงเวลาอย่างเกินขอบเขต,ให้สิทธิให้พนักงานลาหยุดได้น้อยมาก,ปฎิบัติต่อพนักงานอย่างไม่เหมาะสมต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน,ถูกห้ามไม่ให้คุยกัน และจะต้องเข้าเวรเปลี่ยนกะเฉลี่ย 12 ชม.ต่อวัน
รายงานระบุว่า ฟ๊อกซ์คอนน์ได้บังคับให้พนักงานทำข้อตกลง"ห้ามฆ่าตัวตาย ภายหลังนักสังคมวิทยาได้แฉต่อสื่อมวลชน และเรียกร้องให้โรงงานนรกแห่งนี้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์กดขี่เข้มงวดด้วย ขณะที่ผลตรวจสอบพบว่า พนักงานจำนวนมากยังคงทำงานภายใต้สภาพน่าหดหู่ บางรายโอดครวญว่า พวกเขามีโอกาสได้กลับบ้านไปหาลูกเมียได้เพียงปีละครั้ง และบางครั้ง เพื่อนร่วมห้องก็ร่ำไห้เมื่อกลับมาถึงโรงนอน หลังจากทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลาหลายชม.
นอกจากนี้ พนักงานบางรายเปิดเผยว่า พวกเขาทำงานภายใต้กฎหมายค่าแรงขั้นต่ำเพียง 5.20 ปอนด์ต่อวัน หรือราว 260 บาท และต้องนอนในห้องนอนแออัดด้วยจำนวนผู้คน 24 คนต่อห้อง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ฟ๊อกคอนน์ยอมรับว่า โรงงานได้ละเมิดกฎหมายค่าล่วงเวลา แต่อ้างว่าทั้งหมดได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง ขณะที่เจ้าหน้าที่ภายในบริษัทยังกล่าวหาพนักงานที่ฆ่าตัวตาย กระทำเพื่อหวังเงินค่าชดเชยก้อนใหญ่แก่ครอบครัว อย่างไรก็ตาม ต่อมา โรงงานยังได้สร้างตาข่ายรอบบริเวณโรงนอนเพื่อป้องกันพนักงานฆ่าตัวตาย ตามคำแนะนำของนักจิตวิทยา
ทางด้านโฆษกโรงงานนรกแก้ตัวว่า พนักงานถูกเรียกร้องไม่ให้พยายามคุยกันระหว่างการทำงาน เพื่อต้องการไม่ให้พวกเขาเสียสมาธิกับการทำงาน เพื่อรับประกันความแม่นยำถูกต้องของการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ และความปลอดภัยของพวกเขาเอง