ปฏิบัติการเด็ดหัวบิน ลาเดนรอมา10ปี

คมชัดลึก : ท่ามกลางความมืดวันที่ 2 พฤษภาคม เฮลิคอปเตอร์ 4 ลำของกองทัพสหรัฐ บินขึ้นจากฐานทัพอากาศกาซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน พร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษของหน่วยข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) กับหน่วยซีล

ของกองทัพเรือสหรัฐ เพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษที่ชาวอเมริกันเฝ้ารอมานานกว่า 10 ปี เพื่อล้างแค้นให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 11 กันยายน ที่ผู้ก่อการร้ายสังกัดกลุ่มอัล-ไกดา ยึดเครื่องบินโดยสาร 4 ลำพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ บนเกาะแมนฮัตตัน และอาคารกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ส่วนอีกลำหนึ่งตกในพื้นที่ทุ่งนาในรัฐแมรีแลนด์

 เป้าหมายของหน่วยปฏิบัติการพิเศษกับหน่วยซีลในครั้งนี้คือ การจับกุม หรือปลิดชีพนายโอซามา บิน ลาเดน ศัตรูหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรม 11 กันยายน หรือ 9/11 เมื่อปี 2544 ที่กบดานอยู่ในบ้าน 2 ชั้น ที่มีพื้นที่กว้างขวาง มีลักษณะคล้ายป้อมปราการแน่นหนา ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงถึง 5.5 เมตร เสริมรั้วลวดหนามด้านบน ทั้งยังมีประตูรักษาความปลอดภัยสองทาง ในเมืองอัตบอตตาบัด ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงอิสลามาบัดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 60 กม. ที่สำคัญบ้านหลังนี้ยังตั้งอยู่ห่างจากวิทยาลัยการทหารของปากีสถานเพียง 100 เมตร

ชาวบ้านในอับบอตตาบัตคนหนึ่ง เล่าว่า ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์และเสียงระเบิดดังกึกก้องครั้งหนึ่งในเวลาประมาณ 01.15 น. ก่อนจะมีเสียงยิงต่อสู้กันอย่างหนัก และยุติลงอย่างกะทันหัน จากนั้นได้ยินเสียงดังกึกก้องอีกครั้งตามด้วยเสียงคล้ายระเบิด เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเปิดเผยว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้กินเวลาเพียง 40 นาที ก่อนที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษจะส่งกระสุนสังหารทะลุศีรษะนายโอซามา บิน ลาเดน ลูกชาย และคนนำสารที่ใกล้ชิดนายบิน ลาเดน ทั้งยังมีรายงานด้วยว่า มีผู้หญิงเคราะห์ร้ายตกเป็นเหยื่อคมกระสุนอีก 3 คน โดยหนึ่งในนั้นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ข้อมูลที่เค้นได้จากนักโทษ ทำให้ฝ่ายข่าวกรองสหรัฐรู้มานานหลายปีแล้ววว่า บิน ลาเดน ไว้เนื้อเชื่อใจคนเดินสารคนหนึ่งมากเป็นพิเศษ จนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 เจ้าหน้าที่ข่าวกรองแกะรอยจนรู้ว่า คนเดินสารของบิน ลาเดน พักอยู่กับผู้ก่อการร้ายอันดับหนึ่งของโลก ในบ้านที่เมืองออตตาบัด

จนเมื่อวันศุกร์ (29 เม.ย.) นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จึงได้ออกคำสั่งให้มีการปฏิบัติการหยุดโลก เด็ดชีพบิน ลาเดนออกมา ซึ่งหลายฝ่ายยังเชื่อว่า การเสียชีวิตของบิน ลาเดน ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการก่อการร้ายยุคใหม่ที่กลายเป็นมะเร็งร้ายกัดกร่อนความรู้สึกของชาวอเมริกันและพันธมิตรอย่างแน่นอน