เบนซิน 95 ทำสถิติใหม่ทะลุ 50 บาทต่อลิตร หลังราคาน้ำมันยังไม่นิ่งปรับขึ้นอีก 60 สตางค์ต่อลิตร ศูนย์วิจัยกสิกรฯชี้คนแห่ติดก๊าซเอ็นจีวี-แอลพีจีพุ่ง แค่ไตรมาสเดียวเพิ่ม 5.8 หมื่นคัน คาดทั้งปีเกิน 1 ล้านคัน จี้รัฐเลิกอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงทุกชนิด ให้ราคาสะท้อนต้นทุนจริงเพื่อให้คนไทยตระหนักถึงการประหยัด
เมื่อวันที่ 29 เมษายน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกในกลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ จำนวน 60 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 ปรับขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร ส่วนดีเซลยังตรึงราคาที่ 29.99 บาทต่อลิตร มีผลวันที่ 30 เมษายน โดยผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันเอกชนได้ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันไปแล้วเมื่อวันที่ 28 เมษายน และมีผลวันที่ 29 เมษายน จำนวน 60-70 สตางค์ ส่งผลให้ราคาเบนซิน 95 ปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 50.74 บาทต่อลิตร
ส่วนราคาใหม่ของ ปตท.และบางจาก เป็นดังนี้ แก๊สโซฮอล์ อี 85 อยู่ที่ 23.02 บาทต่อลิตร อี 20 อยู่ที่ 36.04 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 36.94 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 39.44 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน 91 อยู่ที่ 44.34 บาทต่อลิตร
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผยว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ผู้ใช้รถยนต์ ทั้งส่วนบุคคลและรถยนต์รับจ้าง เช่น รถแท็กซี่และรถสามล้อเครื่อง หันมาปรับเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซินและดีเซล มาเป็นใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวีกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ ปี 2553 มีจำนวนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซดังกล่าวทั้ง 2 ชนิด สะสมจำนวน 855,285 คัน และคาดว่าจำนวนรถยนต์ที่ใช้ก๊าซดังกล่าวจนถึงสิ้นปี 2554 จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1 ล้านคัน โดยในไตรมาสแรกของปีนี้มีรถที่ปรับเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิงไปใช้ก๊าซเพิ่มสูงถึง 58,000 คันแล้ว
ประเภทของรถยนต์ที่นิยมหันมาใช้ก๊าซกว่า 80% จะเป็นรถส่วนบุคคล ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถบรรทุกส่วนบุคคล และส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน แต่รถที่ใช้น้ำมันดีเซลยังไม่มีแรงจูงใจให้เปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงเนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลถูกตรึงเอาไว้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผยอีกว่า ผลจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาครัฐจำเป็นต้องจัดหาก๊าซเพื่อสนองความต้องการ ทั้งการจัดหาในประเทศรวมทั้งการนำเข้า ซึ่งหากการติดตั้งก๊าซในรถยนต์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ปริมาณการนำเข้าก๊าซก็จะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน และทำให้ไทยต้องสูญเสียเงินตราเพื่อนำเข้าเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ขณะที่ภาระในการอุดหนุนของภาครัฐยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปริมาณรถที่ใช้ก๊าซเพิ่มขึ้น ภาระในการชดเชยราคาก๊าซของภาครัฐก็จะปรับเพิ่มสูงขึ้น
ในระยะยาวแล้ว รัฐควรปรับโครงสร้างราคาพลังงานทุกประเภทให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และลดการอุดหนุนทางด้านราคาให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ใช้พลังงานได้หันมาประหยัด และเพิ่มการใช้พลังงานทุกประเภทอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังช่วยลดภาระงบประมาณ ที่ภาครัฐจะต้องนำมาอุดหนุนราคาพลังงาน ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
