เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 28 เมษายน นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างประชุมคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงการหารือทวิภาคีกับนายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมต.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ถึงความคืบหน้าร่างข้อกำหนดส่งผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียมายังบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ว่า หารือ 2 ชั่วโมงได้เข้าถึงรายละเอียดของร่างข้อกำหนดดังกล่าวและเห็นพ้องต้องกันเกือบทั้งหมด ในเรื่องการกำหนดจุดที่จะให้ผู้สังเกตการณ์เข้าประจำการ ให้อยู่ในฝั่งไทย 4 จุด และฝั่งกัมพูชา 3 จุด หรืออยู่ทางทิศเหนือและใต้ของปราสาทพระวิหาร แต่ยังมีติดขัดเรื่องถ้อยคำบางคำเท่านั้นเพื่อไม่ให้มีข้อติดขัดในกระบวนการรัฐสภา ทั้งนี้อินโดนีเซียจะส่งร่างทีโออาร์สุดท้ายกลับมาเพื่อที่ตนจะเสนอต่อที่ประชุม ครม.ในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้
นายกษิตกล่าวอีกว่า สำหรับรายละเอียดสำคัญของร่างทีโออาร์ฉบับนี้ ได้ระบุชัดเจนว่า
จะต้องไม่มีกองกำลังของทั้งไทยและกัมพูชาเข้าไปประจำอยู่ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และบริเวณปราสาทพระวิหาร เพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดอนุสัญญากรุงเฮก และเอ็มโอยู 43 ที่จะต้องไม่มีกองกำลังอยู่ในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และชุมชน วัด และตลาด หากกัมพูชาละเมิดก็จะเท่ากับเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์จะเริ่มต้นลงพื้นที่เมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทหารกัมพูชาจะออกจากพื้นที่ดังกล่าวได้เมื่อใด
ส่วนระยะเวลานั้นร่างทีโออาร์กำหนดไว้ 6 เดือน แต่อาจจะน้อยกว่านั้นหากมีสันติภาพ และไม่ยิงเข้ามาฝั่งไทยอีก