"ประยุทธ์" ฮึ่มทหารไทยไม่เคยแพ้ใคร ตั้งมั่นไม่ถอย ยิงมาก็ยิงไป ย้ำจุดยืนตามพันธะสัญญาเจรจาทวิภาคี
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 เม.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า กำลังทหารอยู่ในทุกพื้นที่ที่มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งและรักษาอธิปไตยตามแนวเส้นเขตแดนที่ได้กำหนดไว้ชัดเจนไมได้ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว ดังนั้นอย่าไปพูดและลือว่าทหารไทยตั้งรับอยู่และถอยไปเรื่อย ๆ ทหารไทยไม่เคยถอยอยู่แล้วที่ทหารไทยไปอยู่นั้นตามพันธะสัญญาและกติกาที่มีอยู่ ถ้าจะยกเลิกสัญญาก็ว่ากัน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังพูดคุยเจรจากันในเรื่องการประชุมทวิภาคีให้ได้เสียก่อน ถ้าจะเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดรัฐบาลก็หารือมา เราพร้อมจะให้ความเห็นในการแก้ปัญหา
เมื่อถามว่า ทหารไม่ใช้ยุทธการในเชิงรุกบ้างมีแต่ตั้งรับ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะให้รุกไปไหนจะให้รุกออกไปนอกประเทศหรือ ขณะนี้อยู่ที่ชายแดนอยู่แล้ว ถ้ารัฐบาลสั่งมาตนจะเข้าตีให้ รัฐบาลจะสั่งได้หรือไม่ได้ต้องดูว่าเราอยู่ในสัญญาทวิภาคีหรือไม่ ดังนั้นการจะทำอะไรก็ตามตนรู้ดีว่าทุกคนใจร้อนอยากจะให้เป็นอย่างที่ต้องการ วันนี้ความเห็นตนก็ไม่ต่างกับทุกคน เราก็อยากทำให้เรียบร้อย ทั้งยังต้องดูให้ดีว่าการกระทำอะไรต่าง ๆ จะทำให้การแก้ปัญหายากขึ้นหรือไม่ เรื่องรบกันไม่ยากหรอก ตนยืนยันว่าถ้าสั่งวันนี้พรุ่งนี้ตนก็ต้องยึดให้ได้
เมื่อถามว่า รัฐบาลอ่อนข้อมากเกินไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้อ่อนแต่เราต้องดูกติกาสัญญา ถ้าจะยกเลิกก็ต้องยกเลิกทั้ง 2 ฝ่าย ให้ ครม.ไปว่ากันมา เมื่อไม่มีการรักษาสัญญาเขายิงมาเราก็ตอบโต้ไป เพราะทำอย่างอื่นไม่ได้มากกว่านี้ เรายิงมากกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า ก็ต้องตอบโต้ไปจนกว่าเขาจะหยุด ถ้าเขายิงมาเราตอบโต้ไปแล้วเขายังไม่หยุดก็ต้องยิงมากกว่าเดิม ที่ผ่านมาก็ปฏิบัติอย่างนั้นมาโดยตลอดจนทำให้เข้าหยุดการยิง
"ถ้าจะเอากำลังเข้าไปยึดก็หมายความว่าจะต้องรบกันทั้ง 2 ประเทศ ถ้าเป็นอย่างนั้นประเทศไทยต้องช่วยกันรบ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า กองทัพยืนยันจะให้มีผู้สังเกตการณ์เข้ามาในพื้นที่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีคำว่ายืนยัน แต่ถ้าทุกฝ่ายทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ประเทศที่ 3 เข้ามาสังเกตการณ์ แต่ถ้าหากจำเป็นเราได้ยื่นกติกาไปแล้วว่าจะต้องเอาทหารลงจากเขาพระวิหารทั้งหมด ซึ่งได้มีการเสนอเงื่อนไขไปอยู่ที่กระทรวงการต่างเทศ จะต้องเห็นชอบร่วมกันกับเหล่าทัพ
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีอินโดนีเซียได้ยกเลิกการเดินทางเพื่อเข้ามาประชุมเกี่ยวกับผู้สังเกตการณ์เพราะทหารไม่เอาด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เห็นว่ากำลังรอข้อมูลเพิ่มเติม ตนบอกแล้วว่ามี 2 ประเด็น คือ ถ้าไม่จำเป็นก็จะพูดคุยกัน 2 ประเทศ ซึ่งเรายืนยันอย่างนี้มาโดยตลอดและไม่อยากให้ประเทศที่ 3 เข้ามา น่าจะพูดคุยกัน เพราะเรามีชายแดนติดกัน
แต่ถ้ามีความจำเป็น มีการรบกันและเป็นเรื่องขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพราะวันนี้ไม่ใช่ว่าเรารบกัน 2 ประเทศแล้วคนอื่นไม่เกี่ยว จะเห็นว่าทั่วโลกวุ่นวายไปหมดทั้งประเทศ ยูเอ็นก็เข้ามาก็นั้นประเทศนี้ก็เข้ามาถ้ามีการรบกัน แต่วันนี้ตนถือว่ายังไม่มีการรบระหว่างประเทศ เป็นเพียงการกระทบกระทั่งกันเฉพาะจุด และจำกัดพื้นที่การรบให้ได้ แต่ถ้าเหตุการณ์ลุกลามบานปลายเป็นสงครามระหว่างประเทศ คนไทยทุกคนก็ต้องไปช่วยรบกัน ทหารก็พร้อมรบให้เพื่อรักษาอธิปไตย ทั้งประเทศก็จะเดือดร้อนไปหมด แต่ไม่เป็นไรถ้าคิดว่าถึงเวลาจำเป็นที่ควรจะรบก็รบ
เมื่อถามว่า กองทัพมองว่าเรื่องนี้มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเขาทำเพื่ออะไร เพื่อต้องการยกระดับและให้มีประเทศอื่นเข้ามาตัดสิน แต่ตนว่ามันไม่จำเป็น แต่ถ้ามันจำเป็นก็อย่างที่บอก คือ อย่าละเมิดกติกาที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็น เขาพระวิหาร วัดและชุมชนจะต้องไม่มีทหารกัมพูชาอยู่ ถ้ายังมีทหารกัมพูชาอยู่ก็ต้องไม่มีผู้สังเกตการณ์
ขณะนี้ปัญหาอยู่ที่เราจะตอบสังคมโลกอย่างไร ในที่สุดก็ต้องกลับมาสู่การเจรจาของ 2 ประเทศร่วมกัน ถ้าเราพูดคุยกันไมได้โดยมีประเทศที่ 3 เข้ามาร่วมเจรจา ก็จะต้องไม่มีกำลังทหารอยู่ในพื้นที่และพื้นที่ที่มีปัญหา ต้องถอยหลังออกไปหมดแล้วจะมาพูดกันใหม่ ทั้งนี้ตนเห็นว่าไม่มีใครเห็นด้วยอยู่แล้วที่จะให้กำลังทหารประเทศใดประเทศหนึ่งเข้ามา
เมื่อถามว่าถ้ากัมพูชายัง ๆไม่ยอมเจรจาสถานการณ์ยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว เสียงแข็งว่า ถ้าไม่ยอมก็ไม่ยอม ก็ไม่ต้องคุย แล้วทำไมต้องคุย ถ้าเขาไม่คุยแล้วเราจะคุยกับใคร อย่างไรก็ตามเรามีการเจรจาในระดับบน เมื่อมีการคุยกันแล้วก็ยังมีการยิงกันอยู่ เมื่อยิงมาก็ยิงไป การจะรบหรือไม่รบขึ้นอยู่กับรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ จะเปิดสงครามจะต้องมี ครม.ประกาศสงคราม ขณะนี้ยังไม่ประกาศสงคราม เป็นเพียงการกระทบกระทั่งตามแนวชายแดน
ดังนั้นเราพยายามไม่มุ่งไปสู่สงครามระหว่างประเทศ ไม่ใช่ว่ากล้าหรือไม่กล้า กลัวหรือไม่กลัว ไม่ใช่ตั้งรับจนเกินไป วันนี้กำลังทหารไทยจ่อชายแดนไทยทุกวัน ทั้ง 2 ฝ่ายยังเผชิญหน้ากันอยู่ในเขตแดนของตนเอง ห่างกัน 100 เมตร ถ้าจะรุกก็ต้องรบกัน ตีกันหงายท้องลงไป วันนี้ถือว่าเป็นการกระทบกระทั่งกันและอันตราย ไม่รู้ว่ากระสุนที่ยิงมาตกตรงไหน ต้องดูแลกำลังพลและชาวบ้านให้อยู่ในที่ปลอดภัย
"ผมอยากให้ช่วยกันสื่อออกไปยังประชาชนโดยรวมว่าเราไม่ได้แพ้ใคร เราไม่ได้ถอยไปที่ไหน ยังอยู่ในที่เดิมทุกประการเว้นในพื้นที่ที่มีปัญหาที่จะต้องมีการพูดคุยในระดับทวิภาคี ถ้าพูดไม่ได้ก็ไปตกลงกันมา แต่ถ้าจะเอาประเทศใดเข้ามาดูแลก็ต้องถอนกำลังออกไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.