แฉเขมรซุกค.82ถึง3กระบอกบนพระวิหาร
คมชัดลึก :แฉเขมร ซุก ค. 82 อย่างน้อย 3 กระบอก บนปราสาทพระวิหาร แต่เชื่อไม่กล้าเคลื่อนไหว ชี้หากจะเปิดฉากต้องย้ายลูกเมียทหารที่วัดแก้วออกไปก่อน "กษิต"เยี่ยมชาวสุรินทร์มอบข้าวสาร50กระสอบ
(25เม.ย.) แหล่งข่าวตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่าฝ่ายกัมพูชา ได้นำปืนใหญ่ ชนิด ค. 82 ประมาณ 3 กระบอกขึ้นไปตั้งไว้ที่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นปืนรุ่นเก่าสมัยการสู้รบกับเขมรแดงเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยใช้ผ้าใบคลุมอำพรางไว้ แต่เชื่อว่าไม่กล้าเปิดฉากปะทะกับฝ่ายไทยที่จุดนี้แน่นอน เนื่องจากเห็นศักยภาพกองทัพไทยแล้ว ตอนที่ปะทะครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 54 ที่ผ่านมา อาวุธยุทโธปกรณ์ฝ่ายเราก็ได้เปรียบสูง ซึ่งการปะทะกันครั้งล่าสุดนั้น ทางฝ่ายกัมพูชาสูญเสียทั้งกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นจำนวนมาก
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า ที่มั่นใจว่าทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่เปิดศึกปะทะกับทหารไทยที่บริเวณเขาพระวิหาร เนื่องจากยังสังเกตเห็น ลูก และเมียทหารที่บริเวณปราสาทพระวิหารและบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาเรี๊ยะ อยู่ตามปกติ ซึ่งที่ผ่านมาหากจะมีการปะทะขึ้น พวกเขาจะอพยพลูกเมียทหารลงไปอยู่หมู่บ้านด้านล่างที่ปลอดภัยก่อนทุกครั้ง หรือไม่แน่ว่าที่ไม่อพยพลูกเมียทหารลงไป อาจจะใช้คนเหล่านั้นเป็นโล่ห์มนุษย์ สกัดไม่ให้ทหารไทยยิงเข้าไปบริเวณปราสาท หากมีการปะทะเกิดขึ้น
"กษิต"เยี่ยมชาวสุรินทร์มอบข้าวสาร50กระสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนชาวบ้านที่ประสบภัยจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งขณะนี้ได้พักอยู่ที่ศูนย์อพยพ ประชาชนบ้านโคกกลาง (อ.พนมดงรัก) พร้อมกับกล่าวชมเชยทหารไทยที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า กัมพูชาไม่สามารถมารุกรานเราได้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น และอดทน อีกไม่นานสันติภาพและความสงบสุขจะกลับคืนมา ขณะเดียวกันก็ขอฝากไปถึงผู้นำกัมพูชาให้ช่วยกันทำให้ตลอดแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศกลับมาสงบสุขอีกครั้ง นอกจากนี้ นายกษิตยังได้มอบข้าวสาร 50 กระสอบให้แก่ศูนย์อพยพเพื่อไว้ดูแลชาวบ้านด้วย
"ชวรัตน์"ลงพื้นที่กำชับจนท. ดูแลประชาชนให้ทั่วถึง
ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง เดินทางไป จ.สุรินทร์ เพื่อร่วมประชุมกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าฯ จ.สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ รวมถึงนายอำเภอเขตพื้นที่ติดชายแดน และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุมศูนย์ช่วยเหลือช่วยผู้ประสบภัยจากเหตุปะทะบริเวณชายแดน นิคมสร้างตนเองปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา พร้อมมอบนโยบาย เยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพแก่ราษฎรที่ประสบภัยจากการสู้รบด้วย
นายชวรัตน์ กล่าวว่า ตนเดินทางลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ เนื่องจากเหตุการณ์ปะทะกัน ตามแนวชายแดนบริเวณปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม จ สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และเน้นย้ำเรื่องสำคัญ เพื่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยของประชาชน ขอให้ผู้ว่าฯ และฝ่ายปกครองเร่งช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้ทั่วถึง อธิบายสร้างความเข้าใจและสร้างขวัญให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน อย่าให้หลงเชื่อข่าวลือ ทั้งนี้ ในจุดรองรับผู้อพยพ ดูแลเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค ให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมทั้งเฝ้าระวังทรัพย์สินของประชาชนในระหว่างอพยพออกจากบ้านเรือน
“ผมขอชื่นชมทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันทำงานอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครองทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และข้าราชการทุกคน แม้หากเหตุการณ์สงบลง ขอให้มีการซักซ้อมแผนพื้นที่ส่วนหลังอย่างสม่ำเสมอ หากเกิดกรณีฉุกเฉินหรือเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย จะได้สามารถสั่งการได้อย่างฉับไว และบริหารพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” รมว.มหาดไทย กล่าว
ขณะที่นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ถึงปัจจุบัน ว่า
ส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2 ตำบล 36 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลตาเมียง และตำบลบักได ทหารเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 25 ราย ทั้งนี้ได้อพยพราษฎรประมาณ 25, 942 คน ไปอาศัยที่จุดรองรับการอพยพ 22 จุด ได้แก่ จุดรองรับผู้อพยพอำเภอพนมดงรัก 3 จุด ผู้อพยพ 5 ,292 คน จุดรองรับผู้อพยพอำเภอกาบเชิง 4 จุด ผู้อพยพ 3,817 คน จุดรองรับผู้อพยพอำเภอปราสาท 13 จุด ผู้อพยพ 15 ,719 คน และจุดรองรับผู้อพยพอำเภอสังขละ 2 จุด ผู้อพยพ 1,114 คน
นายวิบูลย์กล่าวต่อว่า ปภ.ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 3 ปราจีนบุรี เขต 5 นครราชสีมา เขต 6 ขอนแก่น เขต 7 สกลนคร เขต 13 อุบลราชธานี สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ โดยจัดเจ้าหน้าที่ จำนวน 34 นาย พร้อมรถผลิตน้ำดื่ม 4 คัน รถไฟฟ้าส่องสว่าง 5 คัน รถบรรทุกน้ำ14 คัน เต็นท์ 420 หลัง รถบรรทุกขนาดใหญ่ 2 คัน สุขาเคลื่อนที่ 60 หลังออกให้บริการประชาชนตามจุดรองรับการอพยพต่าง ๆ หากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!