บ่ายวันที่ 30 มีนาคม คนไทยทั้งประเทศต้องช็อกกับความเสียหายจากดินโคลนถล่มฝังบ้านประชาชนนับพันครัวเรือนในพื้นที่ ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ ซึ่งพบศพผู้สูญเสียเบื้องต้น 5 ศพ แต่ยังมีผู้สูญหายอีกนับร้อยที่ยังไม่ทราบชะตากรรม!!
ด.ช.จักรกฤษ ชูศรี อายุ 11 ขวบ หรือ "น้องบอล" นักเรียนชั้น ป.4
โรงเรียนบ้านถ้ำโกบ ต.หน้าเขา ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านต้นหาร หมู่ 7 ที่ประสบภัยรุนแรงที่สุด คือ ตัวอย่างของความสูญเสียที่ดีที่สุด เพราะเขาต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ รวมทั้งน้องสาวที่ยังตามหาไม่พบอีก 1 คน
น้องบอล เล่าว่า เวลาประมาณ 10.00 น . วันที่ 29 มีนาคม ที่บ้านของเขาซึ่งอาศัยกันอยู่รวม 5 คน คือ พ่อแม่ เขา น้องสาว และน้องชายคนเล็กอายุ 2 ขวบเศษกำลังนั่งพักผ่อนอย่างมีความสุขอยู่ภายในบ้าน
"จู่ๆ พ่อก็ตะโกนขึ้นว่าน้ำป่ามาแล้ว จากนั้นทุกคนต่างพากันวิ่งหนีสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็หนีไม่ทัน เพราะน้ำป่าพร้อมดินโคลนสีแดงไหลลงมาอย่างรวดเร็วมาก จนซัดผมและน้องชายล้มลง ส่วนพ่อแม่และน้องสาวอีกคนไม่รู้ว่าหายไปไหน พอผมลุกขึ้นได้ก็เห็นน้องชายถูกน้ำป่าและดินโคลนซัดมาติดท่อนไม้ โดยมีกิ่งไม้ขนาดเล็กหนีบติดไว้ ผมจึงเดินฝ่าแรงน้ำและดินโคลนเข้าไปช่วยน้องชาย จากนั้นก็อุ้มน้องชายเดินฝ่าออกมาจนปลอดภัย ก่อนที่จะมีคนช่วยนำตัวส่งรักษาตัวที่ รพ.เขาพนม"
น้องบอล เล่าอีกว่า ช่วงที่ถูกน้ำป่าซัดนั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา แผ่นหลัง และใบหน้า
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรอยถลอกจากซากท่อนไม้ที่ถูกซัดลงมาตามน้ำ ขณะที่น้องชายศีรษะแตก มีแผลที่มือซ้าย ใบหน้า และที่บริเวณต้นขาขวา แต่ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว
“ถ้าวันนั้น ผมมีอาการตกใจมากจนตั้งสติไม่ได้ ผมและน้องชายคงเอาชีวิตไม่รอด และตัวของน้องชายก็ถือว่าโชคดีมากที่ไม่โดนท่อนซุงขนาดใหญ่พุ่งเข้าชน และไม่โดนน้ำป่าที่ไหลหลากมากับดินโคลนซัดจมหายไป” น้องบอล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภาพที่พ่อแม่และน้องสาวถูกน้ำซัดหายไปต่อหน้าต่อตา โดยที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย คงเป็นภาพความสูญเสียที่จะติดตาเขาไปตลอดชีวิต โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้แน่ชัดว่า ในใจของน้องบอลในวันนี้มีความทุกข์จากการคิดถึงครอบครัวที่จากไปแค่ไหน