หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ของอังกฤษ รายงานวันนี้ (24 ก.พ.)ว่า บุตรชายของนายมูอัมมาร์ กัดดาฟี กล่าวว่า บิดาของตนจะกลายเป็น "พ่อใหญ่" ที่คอยให้คำปรึกษาแก่ผู้นำคนใหม่ภายหลังจากเหตุการณ์ที่"เขย่า"แผ่นดินลิเบีย
นายซาดี กัดดาฟี บุตรชายคนที่ 3 ของเขากล่าวให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์จากกรุงทริโปลีว่า ภายหลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ลิเบียสั่นสะเทือน "เราต้องทำอะไรบางอย่างให้ลิเบีย คนต้องนำคนเลือดใหม่มาปกครองประเทศ" และอ้างว่า 85% ของประเทศยังมีความสงบและปลอดภัย
"ขณะนี้เป็นเวลา 14.00 น.ในกรุงทริโปลี มันเงียบและสงบมาก" นายซาดี กล่าว "50 หรือ 60 เปอร์เซนต์ของคนที่นี่ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ"
ขณะที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลสามารถยึดครองชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศ นับตั้งแต่พรมแดนที่ติดกับอียิปต์ กระทั่งถึงเมืองทอบรัคและเบงกาซี ขณะที่ทหารจากฝ่ายรัฐบาลเริ่มแปรพักตร์เพื่อเข้าร่วมการประท้วงรัฐบาล
แม้ว่ารัฐบาลจะยังไม่ประสบชัยชนะ นายซาดียังคงไม่ล่าถอย และสัญญาว่าดินแดนที่ถูกยึดครองไปจะสามารถนำกลับคืนมา"ไม่ช้าก็เร็ว"
"ผู้คนกำลังประท้วงเพื่อต่อต้านพ่อของผม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนต่างก็ต้องการแสดงความเห็นอย่างเป็นอิสระ" นายซาดี ซึ่งเป็นอดีตนักฟุตบอลมืออาชีพกล่าว
จากข้อมูลของนายซาดี เขาระบุว่า พี่ชายของเขา นายวาอิฟ อัล-อิสลาม ซึ่งเป็นทายาททางการเมืองคนสำคัญ กำลังร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งจะได้รับการเปิดเผยในเร็ววัน
นอกจากนั้นเขายังยอมรับว่า ทางการได้ทำลายคลังอาวุธยุทธภัณฑ์ทางภาคตะวันออกของประเทศจริง เพื่อป้องกันอาวุธสงครามจำนวนมากตกไปอยู่ในมือของกลุ่มนักรบอัล-เคดานับพัน ซึ่งเขาอ้างว่ามีความพยายามในการก่อเหตุความวุ่นวาย นอกจากนั้นกองทัพยังไม่ลังเลที่จะใช้กำลังเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไฮโดรคาร์บอนที่สร้างผลประโยชน์มหาศาลให้แก่ประเทศ
"กองทัพยังคงแข็งแกร่ง หากว่าเราได้ยินอะไรที่ไม่ชอบมาพากล เราจะส่งกองทัพขนาดใหญ่ลงไป และหากว่าใครได้เห็นแล้ว พวกเขาจะต้องเกรงกลัว"
นอกจากนั้นเขายังแสดงความเพิกเฉยต่อข่าวที่ว่า นักการทูตลิเบียที่อยู่ทั่วโลกได้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อร่วมขบวนการต่อต้านรัฐบาลว่า เขาไม่ใส่ใจคนเหล่านั้น "การทูตที่แท้จริงจะต้องซื่อสัตย์และพูดแต่ความจริง"
กองกำลังรักษาความมั่นคงที่ภักดีต่อ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยิงปืนใส่ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในเมืองมิสราตา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของลิเบีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน
ผู้อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า ผู้ภักดีต่อกัดดาฟีใช้ปืนกลและจรวดอาร์พีจีโจมตีผู้ประท้วงที่ไร้อาวุธ ทำให้ประชาชนหลายคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อีกคนหนึ่งกล่าวว่า ผู้ชุมนุมหลายร้อยคนยังคงปักหลักชุมนุมอยู่กลางเมืองมิสราตาเมื่อค่ำวานนี้ โดยมีกองกำลังรักษาความมั่นคงล้อมกรอบ ซึ่งผู้ชุมนุมสามารถถูกโจมตีได้ทุกเวลา
ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานจากผู้อยู่ในเหตุการณ์ว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของลิเบีย ซึ่งมีทหารรับจ้างชาวแอฟริกันให้ความช่วยเหลือ ได้กราดยิงผู้ชุมนุมไม่เลือกหน้าในเขตเมือง โดยที่ยังไม่ทราบจำนวนผู้เสียชีวิตที่แน่ชัด