ลิเบียลดผลิตน้ำมัน4-5แสนบาเรลต่อวัน
คมชัดลึก : รมว.พลังงาน เผยลิเบียลดกำลังผลิตน้ำมัน 4-5 แสนบาเรลต่อวัน ชี้มีผลทางจิตวิทยาทำราคาตลาดโลกพุ่ง เชื่อสถานการณ์ปกติแนวโน้มคงลดลงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แบงก์ชาติห่วงรัฐหมดแรงอุ้มดีเซล
(23ก.พ.) นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกุล รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่ห้องประชุม216 อาคารรัฐสภา2 ว่า จากสถานการณ์ตะวันออกกลางที่ลุกลามมาถึงประเทศลีเบียแล้วก็ปรากฏว่าปกติลิเบียจะผลิตน้ำมันได้วันละประมาณ 1.6 ล้านบาเรลต่อวัน แต่มีสถานการณ์จึงทำให้บ่อน้ำมันบางบ่อไม่ปลอดภัยจึงมีการผลิตลดลง 4-5 แสนบาเรลต่อวัน ดังนั้นในภาพรวมของสถานการณ์ในตะวันออกกลางมีผลในทางจิตวิทยา แม้การลดลงของการผลิตจากลิเบียจะสามารถชดเชยได้จากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางด้วยกัน โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบียที่มีศักยภาพผลิตชดเชยเพิ่มขึ้นแต่ด้วยความที่มีผลทางจิตวิทยาที่จะส่งผลให้มีการปรับตัวของน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงขึ้นได้ซึ่งราคาที่ดูไบก็ 104 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรลไปแล้ว
“สถานการณ์คงตอบยากว่าจะคลี่คลายมากน้อยเมื่อไร แต่หากกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วราคาน้ำมันก็น่าจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง”รมว.พลังงาน กล่าว
แบงก์ชาติห่วงรัฐหมดแรงอุ้มดีเซล
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า แม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมถึงราคาสินค้าหลายตัวในประเทศจะทยอยปรับเพิ่มขึ้น แต่ธปท.ยังเชื่อว่าน่าจะคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในขอบบนของเป้าหมายที่ 3% ได้ โดยยอมรับว่าสถานการณ์เงินเฟ้อถือเป็นประเด็นท้าทายและต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามแม้เงินเฟ้อจะเป็นประเด็นที่ท้าทาย แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ขณะเดียวกันหากดูตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคแล้ว จะเห็นว่าตัวเลขเงินเฟ้อไทยถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก
ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น เขากล่าวว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไปถึงระดับใดและจะปรับลดลงมาหรือไม่ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก ดังนั้นจึงต้องติดตามดูว่าสถานการณ์เหล่านี้จะรุกลามขยายออกไปหรือไม่
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกสูงกว่าที่แบงก์ชาติได้คาดการณ์ไว้ เพราะมันเกิดขึ้นในประเทศที่ใกล้กับแหล่งน้ำมัน แต่ก็จะเห็นว่า กรณีของอียิปต์ที่สถานการณ์ได้ข้อยุติในระดับหนึ่ง ราคาน้ำมันก็ลดลงมาบ้าง ช่วงนี้ตลาดจึงค่อนข้างอ่อนไหว เวลานี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม โดยหวังว่าเหตุการณ์ต่างๆ จะไม่บานปลายไปมากนัก”นายประสารกล่าว
อย่างไรก็ตามประเด็นเรื่องเงินเฟ้อนั้น แม้จะเป็นประเด็นที่มีความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถือเป็นวิกฤติสำคัญอะไร และภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเวลานี้ก็ถือว่าอยู่ในสถานะที่ดีพอสมควร เพียงแต่อาจมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ควรต้องระวังไว้บ้าง
“สถานการณ์เงินเฟ้อ มันเป็นเรื่องที่เรารู้ว่ามันกำลังเกิดขึ้น มันมีแนวโน้มว่าจะเป็นแบบนั้น ซึ่งก็ต้องติดตาม แต่ไม่ใช่วิกฤติสำคัญอะไร โดยทั่วๆ ไป เศรษฐกิจของประเทศไทยเวลานี้โดยรวม ก็จะอยู่ในสถานะที่ดีพอควร เพียงแต่เราต้องมีความระวังเพราะมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อยู่”นายประสารกล่าว
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ประกาศออกมาและดูเหมือนชะลอลงนั้น นายประสาร กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเศรษฐกิจปีที่ผ่านมาได้ปรับเพิ่มขึ้นไปค่อนข้างมาก ดังนั้นเมื่อนำตัวเลขมาเปรียบเทียบกับฐานที่สูงขึ้น ตัวเลขจึงไม่กระโดดมากนัก และการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 3-5% นั้น ก็ค่อนข้างสอดคล้องกับศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว จึงไม่มีประเด็นใดน่าห่วง
นอกจากนี้หากดูตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวพบว่า เริ่มกลับมาดีขึ้นกว่าในช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามมีเพียงตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนที่ยังน่าเป็นห่วง โดยอยู่ในระดับที่ยังไม่น่าพอใจ ซึ่งประเทศไทยน่าจะมีศักยภาพการเติบโตได้ดีกว่านี้เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นในแง่ของนโยบายภาครัฐแล้วจึงควรให้ความสนใจในการกระตุ้นและร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับภาคเอกชนในอนาคต
ส่วนกรณีการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลของทางรัฐบาลนั้น เขากล่าวว่า ค่อนข้างเป็นห่วงในประเด็นนี้เช่นกัน เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีความเห็นว่าไม่สามารถอุดหนุนต่อไปได้ ก็คงมีการพิจารณาเรื่องนี้กันใหม่อย่างรอบด้าน และเรื่องการอุดหนุนก็น่าจะทำได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท.กล่าวถึงการต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพให้ประชาชนว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตัวเลขเงินเฟ้อมากนัก และคาดว่าจะไม่ทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไปจากกรอบที่วางไว้ ส่วนการศึกษาการต่ออายุรถไฟและรถเมล์ฟรีเป็นมาตรการถาวรนั้น น่าจะส่งต่อเงินเฟ้อในระดับที่น้อยมาก เนื่องจากมาตการดังกล่าวเป็นเรื่องของสวัสดิการสังคม และสามารถจำกัดกลุ่มคนที่ใช้ได้
“แรงกดดันต่อเงินเฟ้อเทียบกับในอดีตก็สูงขึ้นต่อเนื่องแต่ไม่มาก ทั้งนี้ต้องรอดูตัวเลขล่าสุด ที่มีผลพวงจากราคาสินค้าแพงในช่วงเดือนก.พ. และก็เข้าใจว่าบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่อย่างไรก็ตามแรงกดดันเงินเฟ้อพื้นฐานจริงๆคงต้องรอเดือนกุมภาพันธ์ การคาดการณ์เงินเฟ้อล่วงหน้าก็มีแนวโน้มสูงขึ้น”
ส่วนสถานการณ์ต้นทุนราคาน้ำมันที่เร่งสูงขึ้นในขณะนี้ มองว่า ธปท.คงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆว่าจะออกมาในทิศทางใด ยืดเยื้อหรือลุกลามไปยังประเทศอื่นๆหรือไม่ รวมถึงติดตามการแก้ไขปัญหาในแต่ละประเทศด้วยว่าจะมีวิธีการดำเนินการอย่างไร
"การขึ้นราคาน้ำมันตอนนี้ ก็คงต้องรอดูสถานการณ์ ว่าจะขยายวงกว้างหรือเปล่า หรือรุกรามไปยังประเทศอื่นหรือไม่ เพราะยังไม่ทราบ ในด้านของกนง.ยังไม่ได้ประเมิน เพราะการประชุมครั้งล่าสุด ยังไม่ได้เกิดเหตุการณ์นี้ แต่ในแง่ของแบงก์ชาติก็คงต้องรอดูสถานการณ์ว่าจะยืดเยื้อและกระจายสู่วงกว้างมากน้อยแค่ไหน อย่างที่อิยิปต์สงบเร็ว ยังไม่รู้ว่าการแก้ไขปัญหาแต่ละประเทศเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละประเทศด้วย ” นายเมธีกล่าว
นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้จัดการวิเคราะห์เศรษฐกิจ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออยู่บ้าง เนื่องจากราคาพลังงานมีสัดส่วนการคำนวณในดัชนีเงินเฟ้อประมาณ 10% ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นย่อมส่งผลกระทบทางตรงต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อบ้าง แต่คงไม่ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้
“ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1% จะมีผลต่อเงินเฟ้อของกลุ่มพลังงานประมาณ 0.5% ซึ่งพลังงานมีสัดส่วนการคำนวณในดัชนีเงินเฟ้อประมาณ 10% ดังนั้นก็เท่ากับว่า ทุกๆ 1% ที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น จะมีผลต่อดัชนีเงินเฟ้อประมาณ 0.05% ”นายพรเทพกล่าว
สำหรับผลกระทบทางอ้อมนั้น หากราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการก็อาจขอปรับราคาสินค้าขึ้นตามได้ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการด้านคมนาคมก็อาจขอปรับขึ้นค่าบริการด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ถือว่ายังไม่น่าห่วงมากนัก โดยเงินเฟ้อที่เห็นว่าปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาอาหาร เห็นได้จากดัชนีราคาอาหารโลกช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ได้ปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 30%
“สาเหตุที่เงินเฟ้อเอเชียเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เพราะตัวเลขที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศเอเชีย มีอาหารรวมอยู่ประมาณ 30% ขณะที่สหรัฐและยุโรปมีอาหารรวมอยู่แค่ประมาณ 10-20% ทำให้ประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น”นายพรเทพกล่าว
สำหรับประเทศไทยนั้น แม้อาหารจะอยู่ในการคำนวณของดัชนีเงินเฟ้อประมาณ 30% แต่ในจำนวนนี้เป็นข้าวประมาณ 5% และอีก 14% เป็นอาหารปรุงสุกซึ่งราคามักจะวิ่งตามราคาข้าว ขณะที่ราคาข้าวในช่วงที่ผ่านมาแทบไม่ได้ปรับขึ้นเลย แถมมีราคาลดลงประมาณ 10% ดังนั้นจึงช่วงถ่วงการปรับขึ้นของเงินเฟ้อลงได้บ้าง
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday