“นายกฯมาร์ค” โว สัมพันธ์ 2 ประเทศดีขึ้นแล้ว การเจรจาขอให้เป็นไปตามขั้นตอน ประเด็นช่วย “วีระ-ราตรี” ทำเต็มที่แต่ต้องรอจังหวะที่เหมาะสม ด้าน “กษิต” ทวีต แจ้ง “ไทย-เขมร” ดีขึ้นแล้ว รอบริษัทถ่ายภาพทางอากาศมาคลี่คลายปัญหา “สุเทพ” ติง “ฮุนเซน” ยื่นขอคำอธิบายเขตแดนจากศาลโลก แนะปฏิบัติตามมติยูเอ็นดีกว่า ส่วนชายแดน “ไทย-กัมพูชา” ยิงปะทะต่อเนื่อง สองฝ่ายเสริมกำลังประชิดแนว “ไทย” ส่งเอฟ 16 บินโฉบเขาพระวิหารนานกว่า 5 นาที สื่อกัมพูชา ตีข่าว “ฮอร์นัมฮง” จ่อฟ้อง “ไทย” บนเวทีอาเซียน ละเมิดมติยูเอ็น ด้านเครือข่ายประชาชนฯ วุ่น ไล่ส่งทนายความ ด้าน “การุณ” ย้ำ คำสั่งเสีย “วีระ” ให้สู้ถึงที่สุด 25 ก.พ.นี้ เตรียมเข้าเยี่ยมที่เรือนจำ ตำรวจ จ้องฟ้องหมิ่นพิธีกรพันธมิตรฯ กล่าวหาใช้แก๊สจีนสลายม็อบ ยัน เจ้าหน้าที่ไม่ใช้อาวุธ ทำทุกอย่างตามหลักสากล
เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร พื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ภายหลังมีเหตุปะทะของกำลังทหารทั้งสองฝ่ายจนเกิดความสูญเสียกันไป จนมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) และได้ข้อตกลงให้ทั้งสองประเทศหยุดยิง แต่ในพื้นที่ชายแดนกลับมีกำลังทหารกัมพูชายิงอาวุธหนักและเบาใส่ฐานทหารไทยอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทหารไทยยิงตอบโต้ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งมีการเสนอแผนยุติปัญหาให้นำคนกลางมาเจรจากัน นอกจากนี้ยังมีปัญหาของนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 2 คนไทยที่ถูกศาลกัมพูชาสั่งจำคุก ที่ต้องถูกควบคุมตัวก่อน 2 ใน 3 ของโทษที่ได้รับ จึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้นั้น
เขมรถล่มฐานทหารไทย
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 01.30 น. ทหารกัมพูชา กองร้อยสนับสนุนที่ 111 กองพลน้อยสนับสนุนที่ 11 กองทัพภูมิภาคที่ 4 ของพล.ต.เยือง โซ๊ะคน พร้อมทหารหน่วยรบพิเศษ 911 กองบัญชาการทหารสูงสุด ที่มี พล.ท.จาบ เพียกะเด็ย เป็นผู้ผบ. กว่า 2 กองร้อย ได้เคลื่อนพลเข้าประชิดฐานปฏิบัติการทหาร หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี ที่ตั้งอยู่บริเวณพลาญอินทรีย์บนภูมะเขือ เทือกเขาพนมดงรัก ในเขตพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร ต.รุง อ.กันทรลักษ์ พร้อมกับเปิดฉากยิงปืนอาก้า เอเค 47 และยิงปืนกลรัวเข้าใส่ฐานทหารไทย ทำให้ทหารไทยซึ่งเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ยิงตอบโต้ด้วยปืนเอ็ม 16 และเอชเค 33 โดยพล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผบ.กองพลทหารราบที่ 6 ได้ส่งกำลังหน่วยลาดตระเวนทหารราบ ที่อยู่บริเวณภูมะเขือ เคลื่อนพลไปสนับสนุน กระทั่งผ่านไปประมาณ 30 นาที ทหารกัมพูชาได้ถอยกลับฐานที่ตั้งโดยไม่มีรายงานความสูญเสียแต่อย่างใด
เคลื่อนกำลังประชิดแนว
แหล่งข่าวทหารกัมพูชา รายงานว่า หน่วยบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพแห่งชาติกัมพูชา ประจำพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ได้มีวิทยุสั่งการให้กำลังพลในสังกัด หน่วยภูมิภาคทหารที่ 4 กองพลสนับสนุนที่ 3 และกำลังเสริมจากกองทัพบกกัมพูชา เคลื่อนพลสลับฐาน เข้าประจำการที่ฐานทัพผลาญหินแปดก้อน ฐานทัพช่องอานม้า ฐานทัพช่องตาเฒ่า ฐานทัพบ้านสวายจะรุม ฐานทัพซ่องคำผกา ฐานทัพช่องซำแต ฐานทัพช่องโพย และฐานเบาะสะเบา โดยเช้ามืดรถถังรุ่นที 55 ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 100 มม. ผลิตในสหภาพโซเวียต 10 คัน ได้เคลื่อนเข้าประจำการ ตามถนนสาย อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ไป อ.ตะแบงมีชัย จ.พระวิหาร เลาะเลียบแนวเทือกเขาพนมดงรัก สบทบกับกองทัพรถถังกัมพูชาแล้ว โดยเริ่มจากฐานทัพโอทะมอร์ ฐานทัพโอกะยุง ฐานทัพช่องเขาขาด บ้านโอกะกีกันดาร อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ฝั่งตรงกันข้ามกับ ด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ จนถึงฐานทัพบ้านโกมุย ต.กันตร๊วจ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ฝั่งตรงกันข้ามกับอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์
F16บิน2ลำโฉบพระวิหาร
วันเดียวกัน เวลา 10.50 น. ชาวตำบลเมือง อ.กันทรลักษ์ ได้พบเครื่องบินขับไล่เอฟ 16 เอดีเอฟ ของกองทัพอากาศไทย 2 ลำ ที่อยู่ในระหว่างฝึกซ้อมรบคอปบร้าโกลด์บินโฉบลงต่ำเหนือน่านฟ้า บริเวณถนนวิหาร เส้นทางไปปราสาทพระวิหาร โดยบินวนเลาะเลียบ ตามแนวเทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ประมาณ 5 นาที ได้บินลับหาย มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งสร้างความแตกตื่น ให้กับชาวกันทรลักษ์เป็นอย่างมาก เพราะเกรงทหารกัมพูชาจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการบินยั่วยุ จนเกิดการปะทะรอบใหม่ได้
พ.ต.ท.เปียว ทองแก้ว สว.สส.สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า แม้ว่าจะเกิดเสียงปืนดัง บริเวณภูมะเขือทุกคืน แต่ก็เป็นเพียงปืนเล็กยาวเท่านั้น ไม่ได้มีการยิงปืนใหญ่ ซึ่งชาวบ้านชายแดนส่วนใหญ่ก็เริ่มที่จะชินชากับเสียงปืนแล้ว และบางคนก็เริ่มก่อสร้างบังเกอร์ส่วนตัว ต่อสายไฟฟ้า ติดตั้งหลอดไฟส่องสว่างและพัดลม ไว้ภายในเขตรั้วบ้านตนเอง หากเกิดเหตุการณ์ปะทะรุนแรง จะได้วิ่งเข้าหลบภัยได้ทัน ส่วนในเวลากลางคืน ชุดปฏิบัติการร่วมตำรวจทหาร ได้ลาดตระเวนตรวจตรา รักษาความสงบเรียบร้อย ให้กับชาวบ้านอยู่แล้ว
ชาวบ้านวอนเหตุสงบ
ส่วนบรรยากาศที่วัดชายแดนทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย วัดภูมิซรอล วัดบ้านภูมิซรอล วัดบ้านชำเม็ง วัดเสาธงชัย วัดป่าภูแหลม ต.เสาธงชัย และวัดบ้านตาแท่น ต.บึงมะลู และที่พักสงฆ์อีก 1 แห่ง คือ ธุดงค์สถานวิหารเพชร พระสงฆ์ได้เริ่มทยอยเดินทางกลับวัด เพื่อประกอบพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชา โดยนางคูณ คงสิม อายุ 45 ปี กล่าวว่า ในวันนี้ประชาชนตามแนวชายแดน ได้พากันนำข้าวต้ม ขนมเทียน มาร่วมทำบุญที่วัดกันอย่างคึกคัก ตามประเพณี พร้อมกับรดน้ำขอพร ให้ชายแดนสงบ ภาวนาอย่าไม่มีการสู้รบ
สื่อตีข่าวฮอร์นัมฮงฟ้องไทย
ที่จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกอรัญประเทศ มีคนกัมพูชาจำนวนมากจากฝั่งปอยเปต เดินทางข้ามมาประกอบอาชีพในตลาดโรงเกลือตามปกติ ขณะเดียวกันชาวกัมพูชาติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นจากสื่อต่างๆใกล้ชิด ซึ่งหนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพและอีกหลายฉบับเสนอข่าวนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศกัมพูชา จะนำเรื่องกรณีไทยได้ละเมิดคำแถลงการณ์ยูเอ็นเอสซี โดยทหารไทยทำการโยนระเบิดและยิงปืนใหญ่ข้ามมาฝั่งประเทศกัมพูชาทุกคืน เสนอเข้าที่ประชุมอาเซียน ที่กรุงจากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เพื่อให้ผู้สังเกตการณ์อาเซียนได้รับทราบข้อเท็จจริง ส่วนการเจรจาแบบทวิภาคีนั้นกัมพูชาไม่ต้องการ เพราะกัมพูชามีจุดประสงค์ต้องการเจรจาแบบไตรภาคี โดยมีสมาชิกอาเซียนเป็นคนกลางเข้ามาทำการไกล่เกลี่ย
แนะฮุนเซนทำมติยูเอ็น
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน เตรียมจะยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก) เพื่อให้พิจารณาอธิบายคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ให้มีความชัดเจนเรื่องเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า เราต้องติดตามต่อไปว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศมานั้นทำได้หรือไม่ และไม่ขอวิจารณ์หรือแสดงท่าทีหักล้าง เพราะไม่ต้องการให้รู้สึกว่าเป็นการยั่วยุท้าท้าย เมื่อในชั้นนี้ ยูเอ็นเอสซี ให้ทั้งสองประเทศเจรจาโดยให้อาเซียนเข้ามาช่วย ควรเดินในแนวทางนี้ อยากเรียกร้องให้ผู้นำกัมพูชาพิจารณาเพราะเมื่อเป็นผู้นำเรื่องนี้ไปสู่ยูเอ็นเอสซีเอง เมื่อมีมติอย่างไรปฏิบัติตามมติจะดีกว่า
นายสุเทพ กล่าวว่า การช่วยเหลือนายวีระ และน.ส.ราตรี อยู่ที่ครอบครัวของทั้ง 2 คน ฝ่ายรัฐบาลพยายามที่จะเข้าไปช่วยเท่าที่เราดำเนินการได้ ซึ่งในช่วงต้นนายวีระ เลือกที่จะต่อสู้คดีเอง คงจะต้องรอดูว่าหากนายวีระและน.ส.ราตรียื่นขอพระราชทานอภัยโทษแล้วทางกัมพูชาจะว่าอย่างไรและคงต้องขอให้ทางกัมพูชาพิจารณา การที่สมเด็จฮุนเซ็น บอกให้จำคุกก่อนเป็นไปตามขบวนการ เมื่อถามว่ามีการเปรียบเทียบกับกรณีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ว่าไม่ได้รับโทษตามขั้นตอนแต่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ รัฐบาลจะหาทางช่วยเหลืออย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เราต้องหาทางและต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนัก มีความตึงเครียดเรื่องอื่นอยู่ด้วย จังหวะไม่ค่อยดี ต้องพูดคุยกับกัมพูชาแยกแยะเรื่องออกจากกัน ยืนยันว่ารัฐบาลช่วยเหลือทุกช่องทางทั้งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม โดยพยายามให้ดีที่สุด
รอจังหวะช่วยวีระ-ราตรี
ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ต้องการให้นายวีระ และน.ส.ราตรี ถูกจำคุก 2 ใน 3 ของโทษก่อนที่จะรับอนุญาตให้ยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ ว่า เราพยายามดำเนินการ ต้องดูว่าช่องทางมีอะไรบ้าง ขณะเดียวกันเข้าใจว่ายังไม่ได้มีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นจุดที่ตนได้คุยกับครอบครัวของนายวีระ และทนายความ ให้ตัดสินใจให้ดี และจะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเสนอ เราต้องยอมรับว่าบรรยากาศความตึงเครียดบริเวณชายแดนย่อมมีผลด้วย ดังนั้นการเลือกทำอะไรในจังหวะเวลาอะไร เราจึงต้องระมัดระวังด้วย
สัมพันธ์ไทย-เขมรดีขึ้น
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พานิชย์ ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากกัมพูชา เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ก็แจ้งว่าคลี่คลายไประดับหนึ่ง เพราะนิทรรศการแสดงสินค้าไทยและการประชุมทางธุรกิจที่กัมพูชานั้นบรรยากาศของประชาชนทั้ง 2 ประเทศไม่เป็นปัญหา และนายไตรรงค์ ที่ไปร่วมงานด้วย ก็บอกว่าบรรยากาศทั่วไปเป็นไปอย่างที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุว่าพยายามจำกัดประเด็นปัญหา ซึ่งอย่างน้อยก็ดีที่ไม่ลุกลามออกมา แต่เราต้องทำงานต่อ เพราะถ้าต้องการช่วยนายวีระ และน.ส.ราตรี ออกมา แล้วต้องทำให้พื้นที่ที่เกิดปัญหากลับสู่ภาวะปกติ โดยไม่กระทบสิทธิของเรา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่าหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ อาจจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องแบบนี้เราไม่ควรจะไปพูดอะไรล่วงหน้า แต่เราจะมีการประสานงานกันเพื่อประเมินอย่างใกล้ชิด เมื่อถามต่อว่าฝ่ายบริหารของทั้ง 2 ประเทศ สามารถพูดคุยกันเพื่อช่วยเหลือนายวีระได้เร็วขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าว ต้องทำให้ได้ แต่จังหวะเวลานั้นก็ต้องประเมิน เพราะการเมืองในประเทศกัมพูชา ก็เชื่อมโยงมาถึงการเมืองในประเทศเราด้วย เราควรแยกแยะว่าสิ่งที่ทำเพื่อช่วยนายวีระและน.ส.ราตรีนั้น ไม่ควรกระทบภาพใหญ่ของประเทศ ซึ่งทั้ง 2 คนน่าจะเห็นด้วย ตนพยายามเรียกร้องว่าไม่ว่าผู้ที่เคลื่อนไหว มีเจตนาเป็นอย่างไร แต่เมื่อเกิดปัญหาความยุ่งยากซับซ้อนขึ้น ผลร้ายตกอยู่กับคนอื่น
ปัดเขมรขอกำลังอาเซียน
เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ประกาศว่าการเจรจาแบบทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชาจบไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่จะพูด แต่ประเด็นหลักคือ 2 ประเทศจะต้องพูดคุย ตัดสินใจ และเจรจาระหว่างกัน ส่วนจะมีผู้อื่นมาเป็นพยานหรือช่วยจัดเวทีให้ ก็อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามต่อว่ากัมพูชาร้องขอให้อาเซียนส่งกองกำลังเข้ามาป้องกันการปะทะกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก
ทวิตไทย-กัมพูชาคุยกันดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้เขียนข้อความลงในทวิตเตอร์ www.twitter.com โดยใช้ชื่อ @kasitpirom มีเนื้อหาว่า “ตอนนี้กลับมาถึงเมืองไทยแล้ว ขอย้ำยูเอ็นเอสซี ขอให้เป็นเรื่อง 2 ฝ่าย ให้เจรจากันต่อไป การเจรจาเป็นท่าทีของไทยมาโดยตลอด และเรามีกลไกทั้งสองฝ่ายดำเนินการอยู่ และมีความคืบหน้ามาโดยตลอด โดยทั่วไปก็มีเจซี (คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ) นอกจากนั้นเรื่องเขตแดนก็มี เจบีซี (คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม) จีบีซี (คณะกรรมการชายแดนทั่วไป) อาร์บีซี (คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค) เช่น เรื่องเสาเขตแดน ก็ทำกันอยู่ เสาหลักเขต 73 เสา ก็ค้นไปได้ 40-50 เสาแล้ว และทั้งสองฝ่ายกำลังตกลงคัดเลือกบริษัทเพื่อทำการถ่ายภาพทางอากาศ ขอย้ำทุกอย่างมีกลไกการทำงานรองรับอยู่
ม็อบสู้คดีช่วยถึงที่สุด
บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ได้แถลงถึงท่าทีประจำวัน โดยนายการุณ ใสงาม แกนนำ กล่าวว่า ในประเด็นเรื่องการอุทธรณ์คดีของนายวีระ และ น.ส.ราตรี เครือข่ายฯในฐานะคณะที่ปรึกษาทางกฎหมายได้รับมอบหมายเป็นคำสั่งเสียอย่างชัดเจน ก่อนถึงวันพิพากษาว่า ทั้งสองคนยืนยันจะสู้คดีถึงที่สุด และจะสู้ในรูปแบบการต่อสู้ของสถาบันอื่นๆ เช่น สถาบันระหว่างประเทศ สหประชาชาติ ซึ่งนายวีระยืนหยัดต่อสู้ได้ในเรือนจำ ส่วนกระแสข่าวที่ว่า ครอบครัวของทั้ง 2 คน จะขออภัยโทษนั้น เป็นความเห็นและความต้องการของครอบครัว ทางเราจะไม่ก้าวล่วง ซึ่งการจะช่วยนายวีระและ น.ส.ราตรีได้เร็วที่สุด ต้องมีรัฐบาลที่เข้าใจปัญหา แต่นายอภิสิทธิ์ ไม่เหมาะกับการทำหน้าที่นี้ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลนี้ออกไป อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ เครือข่ายอาจมีโอกาสได้เข้าเยี่ยมนายวีระและ น.ส.ราตรี
นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานเครือข่าย กล่าวว่า จากกรณีที่เครือข่ายได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เรื่องมติของรัฐบาลที่ได้ใช้มาตรการตามพ.ร.บ.ความมั่นคง ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลา 21.20 น. ว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า มาตรการที่รัฐบาลออก เป็นการออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติ ไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง มีคำสั่งไม่รับฟ้อง ดังนั้นเครือข่ายฯจะยกร่างคำฟ้องฟ้องศาลยุติธรรมในวันที่ 21 ก.พ.นี้
ม็อบไล่ทนาย-โต้กันเละ
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ คณะกรรมการเครือข่าย กล่าวว่า เราฟ้องศาลปกครองสูงสุด เพื่อให้ศาลเพิกถอนมติ ครม. เมื่อศาลเห็นว่า เป็นอำนาจศาลยุติธรรม ก็จะไปฟ้องศาลยุติธรรม ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณาพฤติกรรมของนายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษากฎหมายเครือข่ายฯ ในหลายกรณี และเรามีมติเอกฉันท์ให้คนๆนี้พ้นจากหน้าที่ เพราะพฤติกรรมล่าสุด เห็นแล้วว่า ไม่ควรทำงานร่วมกันต่อไป
นายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาทนายความของนายวีระและน.ส.ราตรี กล่าวถึงกรณีที่โดนถอดออกจากทนายความเครือข่ายว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆกับคณะกรรมการ ซึ่งการแถลงข่าวเรื่องการขออภัยโทษให้นายวีระ และ น.ส.ราตรี นั้นทำให้คณะกรรมการเครือข่ายฯ เห็นว่าตนมีแนวทางการต่อสู้ไม่เหมือนกับทางกลุ่ม ขอยืนยันว่า ในช่วงที่ผ่านมาตนไม่เคยทำงานเป็นทนายความให้กับกลุ่มเครือข่ายฯ และไม่เคยได้รับเงินเดือน หรือผลประโยชน์ใดๆ แต่เคยยื่นเรื่องขอประกันตัวให้นายไชยวัฒน์ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ เท่านั้น ส่วนกรณีนายวีระ และ น.ส.ราตรี ได้รับมอบหมายจากบุคคลทั้งสองให้เป็นทนายความ และถ้าจะถูกถอดออกก็ต้องมาจากอำนาจของบุคคลทั้งสอง โดยในวันที่ 19 ก.พ. อาจจะมีการแถลงข่าวจากครอบครัวของนายวีระ ในประเด็นเกี่ยวกับการขออภัยโทษ
ตร.ขู่ฟ้องพิธีกรพธม.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศอ.รส. แถลงว่า กรณีนายอมร อมรรัตนานนท์ แกนนำพันธมิตร พูดบนเวทีมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวหาตำรวจว่าตำรวจจะสลายการชุมนุมโดยใช้วิธีแบบอียิปต์ และนำแก๊สน้ำตาจากประเทศจีนมาใช้เพื่อให้เกิดเหตุการณ์เหมือนกับวันที่ 7 ต.ค.51 ทางศอ.รส. ขอยืนยันกับประชาชนว่ากำลังตำรวจที่ใช้ดูแลการชุมนุมไม่มีอาวุธ นอกจากมีอุปกรณ์ป้องกันตัว ส่วนแก๊สน้ำตาที่ใช้ก็ผลิตจากประเทศอเมริกา ไม่มีชิ้นส่วนของระเบิด ใช้วิธีการดึง และโยน ไม่มีการยิง มีความร้อนเท่านั้น
สำหรับการซักซ้อมของหน่วยปราบปรามจลาจลที่บริเวณศาลายา จ.นครปฐมนั้นเป็นการซักซ้อมเพื่อปรับยุทธวิธีให้เป็นไปตามขั้นตอนของยูเอ็น มีสื่อมวลชนไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย หากมีการสงสัย ยินดีให้สื่อมวลชนตรวจสอบได้ จึงอยากจะฝากไปยังพิธีกรที่พูดพาดพิงถึงตำรวจให้เสียหาย ขอร้องว่าอย่ากระทำ ขณะที่ได้นำเทปบันทึกคำปราศรัยของนายอมรให้ยังกองคดี ตรวจสอบแล้วเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป