นายโรเบิร์ต เซลลิค ประธานธนาคารโลก เตือนราคาอาหารโลกสูงขึ้นถึงระดับที่อันตราย
วันนี้ 16 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโรเบิร์ต เซลลิค ประธานธนาคารโลกกล่าวว่า ราคาอาหารโลกในปัจจุบันเข้าสู่ระดับที่อันตราย และเตือนราคาอาหารที่สูงขึ้นนี้จะส่งผลต่อภาวะการเมืองและสังคมที่เปราะบางในตะวันออกกลางและเอเชียกลาง
ข้อมูลของธนาคารโลกที่นำออกเผยแพร่วานนี้เผยถึงราคาอาหาร เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด น้ำตาลและน้ำมันปรุงอาหารที่มีราคาสูงขึ้น ทำให้ประชากร 44 ล้านคน ในประเทศกำลังพัฒนาเข้าสู่ภาวะยากจนถึงขีดสุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2553 เป็นต้นมา
ประธานธนาคารโลกระบุว่า ราคาอาหารโลกในขณะนี้ได้สร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานให้กับคนยากจนทั่วโลก และถึงแม้ว่าราคาอาหารที่สูงขึ้นไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการประท้วงในอียิปต์และตูนิเซีย แต่ก็เป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
นายเซลลิค บอกว่า ราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงทั่วเอเชียกลางมีนัยทางการเมืองและสังคมต่อภูมิภาคดังกล่าว เขากังวลว่าประเด็นราคาอาหารที่แพงขึ้นจะทำให้การลุกฮือในอียิปต์ ตูนิเซียและจอร์แดน ยิ่งเพิ่มความเปราะบางอ่อนไหวในช่วงเวลาที่สังคมเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง นายเซลลิควิงวอนประชาคมโลกให้ตระหนักถึงความเสี่ยงและไม่ควรดำเนินนโยบายที่จะเพิ่มปัญหา เช่น ห้ามการส่งออกหรือรวมหัวกันกำหนดราคา ซึ่งจะยิ่งทำให้ราคาอาหารโลกแพงขึ้นไปอีก
ราคาอาหารโลกที่สูงขึ้นนี้เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรง เช่น พายุ ความแห้งแล้ง น้ำท่วมในประเทศสำคัญที่ผลิตสินค้าเกษตร ทั้งนี้ ที่ออสเตรเลียเกิดพายุไซโคลนและน้ำท่วมใหญ่ ส่วนที่สหรัฐเกิดพายุฤดูหนาว ขณะที่รัสเซียเกิดไฟไหม้ป่า
สถาบันต่อสู้ความยากจนในกรุงวอชิงตัน รายงานว่าดัชนีราคาอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ในช่วงเดือนตุลาคม 2553-มกราคม 2554 ต่ำกว่าค่าดัชนีที่พุ่งขึ้นไปสูงสุดในครั้งเกิดวิกฤติอาหารในปี 2551 เพียงร้อยละ 3