นายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ กล่าววันที่ 15 กุมภาพันธ์
ถึงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี กรณีข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ยูเอ็นเอสซี ต้องการให้ยุติการใช้กำลังหยุดยิงกัน แต่การให้ 2 ประเทศไปหารือ 2 ฝ่าย โดยให้อาเซียนเข้ามาร่วมไม่ได้เป็นชัยชนะของประเทศไทยตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ เพราะไม่ได้เป็นการหารือแบบทวิภาคีจริงๆ ตามที่ฝ่ายไทยต้องการ แต่จะมีสมาชิกอาเซียนเข้ามาเป็นผู้คอยกำกับอีกชั้น แตกต่างจากการดำเนินการในปี 2551 ที่ไทยยืนยันว่าจะต้องเป็นการหารือในระดับทวิภาคีเท่านั้น
"การให้อาเซียนเข้ามาเป็นตัวกลางจึงนับเป็นการเข้าทางแผนสองของกัมพูชาที่วางไว้ตั้งแต่ปี 2551 อย่างไรก็ตาม การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ บทบาทของอาเซียนที่จะเข้ามาดูแล มองว่าน่าจะอยู่ใน 3 แนวทาง คือ
1.ให้กลุ่มตัวแทน 3-4 ประเทศอาเซียนเข้ามาช่วยในการเจรจา
2.ให้เฉพาะประธานอาเซียนเพียงคนเดียวเข้ามากำกับดูแลในนามของอาเซียน และ
3. จัดตั้งสภาสูงของอาเซียนตามแนวทางการแก้ข้อพิพาทอย่างเป็นทางการ ที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาไมตรีของอาเซียนเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ผมมองว่าแนวทางที่ดีสุดสำหรับไทยคือ การให้เฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเข้ามาดูแลเพียงคนเดียว"