ขยายเวลาขายน้ำมันปาล์มถึงสิ้นเดือนก.พ.

อธิบดีกรมการค้าภายในเผยพาณิชย์ขยายเวลาขายน้ำมันปาล์มจุกฟ้าล็อตแรก จนถึงสิ้นเดือน ก.พ.นี้

วันนี้  15 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หลังจากกระทรวงพาณิชย์มีการปรับช่องทางการจำหน่ายน้ำมันปาล์ม โดยร้อยละ 50 กระจายผ่านห้างโมเดิร์นเทรด และอีกร้อยละ 50 กระจายสู่ผู้บริโภคโดยตรงผ่านทางชุมชนใหญ่ รถโมบายเคลื่อนที่ 5-6 คันต่อวัน รวมถึงศาลากลางทุกจังหวัด ซึ่งขณะนี้ได้กระจายไปเกือบครบทั่วประเทศแล้ว

นางวัชรี คาดว่า ภายในวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) จะสามารถกระจายได้ครบทั่วประเทศ โดยในต่างจังหวัดจะกระจายน้ำมันปาล์มเฉลี่ยจังหวัดละ 12,000 ขวด ซึ่งขณะนี้ยังเหลือน้ำมันปาล์ม จำนวน 10 ล้านขวด และจะกระจายให้เพียงพอไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ จากเดิมคาดว่า จะกระจายไปจนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากการนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์คาดว่า จะนำเข้าได้ต้นเดือนหน้า

อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมการค้าภายใน ยอมรับว่า ราคาน้ำมันปาล์มนำเข้าขณะนี้สูงขึ้นจากน้ำมันปาล์มล็อตแรกเฉลี่ยลิตรละ 2 บาท จากเดิมที่มีการนำเข้าลิตรละ 39 บาท ปรับขึ้นเป็นลิตรละ 41 บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับนายกรัฐมนตรีว่า จำเป็นจะต้องให้มีการปรับขึ้นราคาหรือไม่ เนื่องจากการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 120,000 ตัน ผู้ประกอบการไม่สามารถที่จะจำหน่ายในราคาขวดละ 47 บาท ตามเดิมได้

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงให้มีการตรวจเข้มการจำหน่ายน้ำมันปาล์มจุกฟ้าเกินราคา โดยหากพบจะดำเนินการตามกฎหมายทันที โดยมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งขณะนี้ได้จับกุมผู้ค้าในตลาดจังหวัดปทุมธานีแล้ว 1 ราย หลังจากขายเกินราคาขวดละ 70 บาท นอกจากนี้ ในวันนี้ ห้างค้าปลีกบางแห่งได้เริ่มนำไข่ไก่ชั่งกิโลไปจำหน่ายแล้ว โดยคาดว่า จะปรับลดราคาขายลงเหลือกิโลกรัมละ 48-49 บาท เพื่อจูงใจผู้บริโภค ส่วนตลาดสดได้มีการจำหน่ายไข่ไก่แบบชั่งกิโลไปแล้ว 23 แห่ง

ด้าน การสัมมนาเรื่อง “การค้าเป็นธรรมหนุนนำเศรษฐกิจไทย” อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า ปัจจุบันทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับกฎหมายแข่งขันทางการค้ามากขึ้น เพราะจะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตยั่งยืน และผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายเล็กได้ประโยชน์ร่วมกัน อยู่ด้วยกันได้อย่างสอดคล้อง ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจถึงกฎหมายการแข่งขันทางการค้า เพื่อการพัฒนาการค้าที่เป็นธรรม ที่จะมีการร่วมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคตต่อไป.