นายปราโมทย์ ฉิมหาด เจ้าพนักงานประมงชำนาญงาน ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
เปิดเผยเมื่อวันที่ 30 มกราคม ว่า ได้ผ่าซากเต่ากระและเต่าตนุ 4 ตัวที่ตายลอยขึ้นมาเกยหาดในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริง โดยตลอดช่วงเดือนมกราคม 2554 เพียงเดือนเดียว ทะเลอ่าวไทยบริเวณ จ.ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร พบเต่าทะเลตายแล้วถึง 9 ตัว ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดตั้งแต่เก็บรวบรวมข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจุบัน ซากเต่าที่พบมีหลายขนาด ตัวใหญ่สุดมีน้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ซึ่งเป็นวัยของพ่อแม่พันธุ์ที่พร้อมจะวางไข่ บางตัวเป็นเต่าที่ปล่อยออกไปจากศูนย์เพาะเลี้ยงของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เนื่องจากพบมีไมโครชิปที่ระบุเลขทะเบียนประวัติที่มาของเต่า
นายปราโมทย์กล่าวว่า หลังการผ่าซากเต่าทะเลที่ตาย พบว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการติดเครื่องมือประมง
เพราะพบรอยแผลที่เกิดจากอวนและเครื่องมือของชาวประมง โดยเครื่องมือประมงที่ทำให้เต่าตายมากที่สุดคือ อวนลาก เนื่องจากเต่าเป็นสัตว์ที่หายใจด้วยปอด ต้องขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำเป็นระยะๆ เมื่อเต่าติดอวนลากเต่าจะขาดอากาศหายใจ เพราะการทำประมงอวนลากจะต้องลากต่อเนื่องหลายชั่วโมงจึงทำให้เต่าตาย และอวนลอยเป็นอีกเครื่องมืออีกชนิดที่ทำให้เต่าตายได้ง่ายเพราะเส้นอวนมีขนาดเล็กเมื่อเต่าติดจะรัดตัวเต่าจนเกิดบาดแผลลึก ทำให้ติดเชื้อและตายในที่สุด จึงวอนขอให้ชาวประมงที่ออกทำประมงช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่อให้ลูกหลานได้ดูได้ศึกษา