เมื่อวันที่ 29 ม.ค. จากกรณีสายการบินแห่งหนึ่ง ประกาศรับสมัครแอร์โฮสเตส โดยเปิดโอกาสสาวประเภทสอง
โดยผ่อนปรนไม่จำเป็นต้องแปลงเพศ จนสร้างกระแสฮือฮาอยู่ในขณะนี้นั้น นายปกรณ์ พิมพ์ทนต์ นักเขียนและผู้ริเริ่มเทศกาลบางกอกเกย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า ข่าวนี้ถือเป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ โดยเฉพาะกลุ่มสาวประเภทสองด้วยกัน เมื่อช่วงเช้าได้ดูข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง และได้พูดคุยกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่เป็นเกย์ เป็นสาวประเภทสอง ส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตเหมือนกันคือ เอาสาวประเภทสองมาโปรโมตเพื่อขายสินค้าหรือเปล่า ผู้บริหารสายการบินนี้มีความรู้ความเข้าใจในนิสัย อารมณ์ และข้อจำกัดของสาวประเภทสองมากน้อยแค่ไหน เข้าใจหรือไม่ว่าถึงจะแปลงเพศแล้ว แต่ในร่างกายยังคงมีฮอร์โมนเพศชายหลงเหลืออยู่
"จากวันที่เป็นข่าวจนถึงวันนี้ พวกเรายังไม่เห็นเครื่องบินของสายการบินนี้แม้แต่ลำเดียว ที่สำคัญคือเขารู้หรือไม่ว่า สภาพจิตใจก่อนและหลังการผ่าตัดแปลงเพศเป็นอย่างไร ถ้ามีวัตถุ ประสงค์ทางการตลาด เหมือนพวกเราเป็นการค้า ก็ขอประณามและไม่เห็นด้วย แต่ถ้าบริสุทธิ์ใจก็อยากให้ศึกษาความเป็นสาวประเภทสองให้ดีเสียก่อน ขอถามว่าถึงเวลาจะรับพวกเราจริงหรือ หรือเป็นเพียงการโปรโมต เอาพวกเรามาเป็นตัวล่อให้คนหันมาสนใจว่าสายการบินนี้รับสาวประ เภทสอง ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีที่ไหนในโลกทำ" นายปกรณ์กล่าว
นายปกรณ์กล่าวต่อว่า อยากเตือนสาวประเภทสองให้ระวังไว้ด้วย เพราะอาจตกเป็นเครื่องมือโปรโมตสายการบินเท่านั้น
ที่บอกว่าไปประชุมกับกรมการบินพลเรือน (บพ.) และบอกว่าบพ.ยอมรับ ตนคิดว่าไม่ใช่ความจริง เพราะเขามีแค่นายกับนางสาว และจากการสอบถามเพื่อนๆ ที่แปลงเพศแล้ว ยอมรับว่ามีผลกระทบ เพราะการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก อวัยวะเพศ หรือทำจมูก จะต้องดมยาทุกครั้ง ซึ่งการดมยาเยอะๆ ไม่ส่งผลดีต่อสมองอย่างแน่นอน
"สาวประเภทสองหรือผู้ชายทั่วไป เวลาเครียดหรือทำงานหนัก ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่ง ส่งผลให้หนวดเคราขึ้นเร็วมาก อย่างสาวประเภทสองบางคนที่ทำงานในบาร์ย่านถนนพัฒน์พงษ์ เล่าให้ฟังว่า ถ้าไปกับแขกไม่สามารถค้างคืนได้ เพราะตื่นขึ้นมาหนวดเฟิ้ม แขกเห็นถูกถีบตกเตียงแน่นอน อย่างดีที่สุดคือกินยาลดฮอร์โมน ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทอีก เสียงก็ยังเปลี่ยนไม่ได้ ทำได้เพียงแอ๊บเสียง เวลาอยู่บนเครื่องบินเด็กคงสับสน เดี๋ยวเสียงผู้หญิงเดี๋ยวเสียงผู้ชาย เพื่อนร่วมงานทั้งชายจริง หญิงแท้จะรับได้หรือไม่ ไหนจะเรื่องความอดทนอีก ห่วงที่สุดคือกลัวว่าจะเอาพวกเรามาหาผลประโยชน์ทางการตลาด และสุดท้ายก็ไล่ออก หรือไม่ให้ทำเลย เพราะตอนนี้เครื่องบินสักลำยังไม่เห็นเลย" นักเขียนชื่อดังกล่าว
ผู้ริเริ่มบางกอกเกย์กล่าวด้วยว่า เวลาสาวประเภทสองแปลงเพศจะต้องใส่ "โม" ลักษณะเหมือนแท่งลิสซึ่ม สอดเอาไว้ที่อวัยวะเพศ
ไม่อย่างนั้นเนื้อเยื่อจะติดกัน ซึ่งเวลาเข้าห้องน้ำจะทรมาน ที่สำคัญถ้าไม่ได้ใช้งาน จะต้องใส่เอาไว้ตลอดเวลา เหมือนเวลาเจาะหู ถ้าไม่ได้ใส่ตุ้มหูนานๆ รูที่เจาะไว้ก็จะตัน ตรงนี้ถ้าไปบริการบนเครื่อง เจอลูกค้าไม่สบอารมณ์ อาจไปเหวี่ยงไปวีนใส่ก็เป็นได้