ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 27 มกราคม มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณากระทู้ถามสด เรื่อง ปัญหาไข่ ของนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ มอบหมายนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มาตอบกระทู้แทน
นายสุชาติกล่าวว่า นโยบายขายไข่ชั่งกิโลขาย แปลกที่สุดในโลก ต่างประเทศงงเพราะปกติขายไข่เป็นฟอง ซึ่งพบว่า 11 ฟองได้ 1 กิโลกรัม ราคา 51-52 บาท ตกฟองละ 5.50-6.00 บาท แสดงว่า นายกฯกลัวจะอายว่าไข่นายกฯเล็ก จึงเอามาผสมกับคนอื่นจะได้ดูน้ำหนักเยอะขายเป็นกิโลกรัม แถมจ้างทีมที่ปรึกษา 69 ล้านบาทมาคิด เสียงบฯ ทั้งที่ไปถามแม่ค้าในตลาดก็ได้ นอกจากนี้ นโยบายนี้อาชีพจะหายไป 8-9 อาชีพ เช่น หาบเร่ขายไข่ ปิ้งไข่ขาย หรือแม่กิมไล้ที่ทำขนมหวาน ตอนนี้ไม่รู้จะผสมสูตรอย่างไร รัฐบาลนี้จึงอุ้มคนรวย ถล่มคนจน
"ตกลงว่า ขายเป็นกิโลกรัมกับขายเป็นฟอง อะไรถูกกกว่ากัน ซึ่งผมคิดว่า ขายเป็นกิโลกรัม แพงและขายยาก ซื้อข้าวมีไข่ดาว ต่อไปต้องขายเป็นขีด ไม่ใช่ฟอง ซึ่งประหลาดมาก แล้วยังมีไข่ฝ่อและไข่แฝด ที่มีน้ำหนักต่างกัน มีโพลออกมาว่า 72% ประชาชนไม่เอาด้วย รัฐบาลจะยกเลิกนโยบายนี้หรือไม่" นายสุชาติกล่าว
นางพรทิวา ชี้แจงว่า นโยบายนี้ต้องการแก้เรื่องโครงสร้าง โดยปรับต้นทุนเพื่อให้ราคาขายไข่ลดลงให้ได้ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในภาวะค่าครองชีพสูง และยืนยันว่า ถูกกว่าขายเป็นฟอง นโยบายนี้เป็นทางเลือก ใครใคร่ซื้อแบบนี้ก็ซื้อ หรือจะซื้อแบบแพคเกจแบบเดิมก็ตามใจ ยืนยันว่า รัฐบาลกำลังดูแนวทางปฏิบัติให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ถ้าประชาชนไม่ตอบรับ รัฐบาลก็จะไม่ทำ ซึ่งไม่ได้บังคับ
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า รัฐบาลไม่ได้บังคับให้ซื้อขายไข่เป็นกิโลกรัม เพียงแต่เสนอเพิ่มช่องทางซื้อขายไข่ และรัฐบาลไม่ได้พูดแค่ขายเป็นกิโลกรัม แต่พูดทั้งระบบคือ ลดต้นทุนพวกอาหารสัตว์ และดูแลพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ไม่ให้ขาดตลาดซึ่งจะส่งผลต่อราคาไข่ตามมา ทั้งนี้ นโยบายนี้ ได้ทดลองตลาดมีนบุรี รังสิต ก็ได้รับความสนใจระดับหนึ่ง ผู้ถามกระทู้พูดมาแบบนี้ แสดงว่าไม่เข้าใจเลย ถ้าประชาชนเห็นว่าระบบนี้เหมาะสมถูกกกว่า ก็ไปซื้อ แต่ถ้าใครชอบแบบเดิมก็ซื้อแบบเดิม