แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ขณะนี้มีประชาชนร้องเรียนถึงปัญหาเนื้อหมูราคาแพงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่าราคาขายปลีกในตลาดสดเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลขายอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 110-120 บาท สูงกว่าราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ที่ กก.ละ 105-110 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าพ่อค้าคนกลางและผู้ค้าหน้าเขียงไม่ยอมปรับราคาขายปลีกลดลงตามกลไกตลาด ทั้งที่ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มได้ปรับลดลงแล้ว จาก กก.ละ 57-60 บาท เหลือ 51-53 บาท ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และจากการคำนวณต้นทุนและค่าใช้จ่ายหมูหน้าเขียงราคาไม่ควรเกิน กก.ละ 100 บาท ซึ่งการขายเกินราคาที่เหมาะสมถือว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคและไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตกลงไว้แล้วหากหมูเป็นราคาลง ราคาหมูหน้าเขียงก็ต้องปรับลดลงเช่นกัน และหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นก็จะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบหารือและออกแนวทางดูแลเพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ถึงเดือนกุมภาพันธ์ กรมได้จัดโครงการเนื้อหมูธงฟ้าราคาถูก กก.ละ 90 บาท จำหน่ายแก่ประชาชน หน้ากระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ และสำนักงานการค้าภายในจังหวัด ใน 71 จังหวัด ยกเว้นจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ แม่ฮ่องสอน เพราะเป็นจังหวัดที่มีการบริโภคน้อย เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพ และเป็นการช่วยเหลือเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและลดขั้นตอนการตลาดแก่เกษตรกร ทั้งนี้ เหตุผลการจัดทำโครงการดังกล่าว จากการติดตามสถานการณ์การผลิตการตลาดและราคาสุกรมีชีวิต พบว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 ถึงต้นปี 2554 เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรประสบปัญหาด้านการผลิตและการตลาด ตลอดจนภาวะการค้าโดยรวมที่ชะลอตัว ทำให้ขายเนื้อหมูได้น้อย จึงจัดการเชื่อมโยงตลาด เพื่อช่วยจำหน่ายหมูให้เกษตรกรผู้เลี้ยง รวมถึงเป็นการลดภาระค่าครองชีพแก่ผู้บริโภคด้วย