สธ.เตือนผู้ปกครอง ไม่ควรนำเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ซ้อนท้ายมอเตอร์ไชต์ เสี่ยงหัวโหม่งพื้น
วันนี้ (16 ม.ค.) ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัญหาการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรของประเทศไทยขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มลดลง แม้ว่ารัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ จะรณรงค์นำมาตรการต่าง ๆ มาใช้เพื่อลดปัญหาแล้วก็ตาม ปัญหาหลักกว่าร้อยละ 80 เกิดมาจากรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นพาหนะยอดนิยมของคนไทย มีจำนวนมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถอื่น ๆ โดยในปี 2552 มีรถจักรยานยนต์จดทะเบียน 16 ล้านกว่าคัน เฉลี่ยแล้วครัวเรือนไทยขณะนี้มีรถจักรยานยนต์ใช้ 1 คันต่อ 1.23 ครัวเรือน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จัดอยู่ในกลุ่มผู้ใช้ถนนที่มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงกว่าผู้ใช้รถยนต์ 10-50 เท่าตัว เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บใด ๆ ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเลย เปรียบเสมือนเนื้อหุ้มเหล็ก
ดร.พรรณสิริ กล่าวต่อว่า สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
ได้เฝ้าระวังเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีที่บาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 33 แห่งทั่วประเทศในปี 2552 ซึ่งมีจำนวน 2,537 ราย เสียชีวิต 55 ราย มีข้อมูลน่าสนใจพบว่า ร้อยละ 98 ไม่ได้สวมหมวกนิรภัยป้องกันและเป็นผู้ที่ซ้อนท้ายร้อยละ 49 ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีร้อยละ 27 และอายุ 5-9 ปีร้อยละ 23 เด็กที่ซ้อนท้ายและได้รับบาดเจ็บรุนแรงใช้หมวกนิรภัยน้อยมากไม่ถึงร้อยละ 2
ดังนั้นในการป้องกันการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์
ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ทุกคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะต้องใส่หมวกนิรภัยและล็อคสายรัดคางทุกครั้งที่เดินทางไม่ว่าจะระยะทางใกล้หรือไกล เพื่อลดอันตรายที่ศีรษะ สำหรับเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ควรนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ เนื่องจากเป็นวัยที่ยังไม่มีหมวกนิรภัยที่เหมาะสม หากเกิดอุบัติเหตุอาจทำให้ศีรษะโหม่งพื้นจนอาจเสียชีวิตหรือพิการได้
โดยผลการศึกษาของศูนย์วิจัยอุบัติเหตุในประเทศไทย พบว่า การใช้หมวกนิรภัยสามารถช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ถึง 57 คน ในทุก ๆ 100 คนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์
ดร.พรรณสิริกล่าวอีกว่า จากสถิติในปี 2552 ทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 10,717 ราย เฉลี่ยวันละ 30 กว่าราย โดยร้อยละ 80 ของผู้เสียชีวิตหรือประมาณ 8,500 คน เกิดจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งคนขับและคนซ้อนท้าย ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีการออกกฎหมายบังคับทั้งผู้ขับและผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ใช้หมวกนิรภัยมาเป็นเวลา 15 ปีแล้วก็ตามก็ยังมีผู้บาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ทั้งผู้ขับขี่และซ้อนท้ายไม่สวมใส่หมวกนิรภัยเป็นจำนวนมาก โดยมีผลการศึกษามากมายที่ยืนยันว่าการใช้กฎหมายบังคับการสวมใส่หมวกนิรภัยอย่างจริงจัง ทำให้จำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจำนวนผู้บาดเจ็บจากรถจักรยานยนต์ลดลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ในปี 2554 นี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดให้ปี 2554 เป็นปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์
โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขจัดเก็บข้อมูลสถิติการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนที่เกี่ยวข้องกับไม่สวมหมวกนิรภัยด้วย จึงอยากให้ทุกหน่วยงานร่วมมือร่วมใจรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์อย่างจริงจังในปีนี้และให้หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจริงจังในเรื่องดังกล่าว จึงมั่นใจว่าจะทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากรถจักรยานยนต์ลดลงได้แน่นอน.