เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (กอท.)
ได้ลงมติยกเลิกคณะกรรมการกลางฯ ชุดที่นายพิเชษฐ สถิรชวาล เป็นเลขาธิการ ซึ่งยกเว้นประธานโดยตำแหน่ง คือ จุฬาราชมนตรี โดยให้ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการแทน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายพิเชษฐได้ทำหนังสือถึง กฤษฎีกา เพื่อตีความว่าเป็นการถอดถอนที่ขัดต่อระเบียบหรือกฎหมายหรือไม่ เนื่องจาก เป็นการปลดจากตำแหน่งก่อนครบวาระนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา นายพิเชษฐ ได้มอบอำนาจให้นายมนตรี ทรงประไพ ทนายความ เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ศิววงศ์ ดำรงสัจจ์ศิริ พงส.(สบ 2) กก.1 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีกับนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี พล.ต.ต.สุรินทร์ กับพวก ซึ่งเป็นกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 43 คน ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ และซ่องโจร เหตุเกิดที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก เมื่อวันที่ 4-12 ตุลาคม 2553
ทั้งนี้ สำหรับการแจ้งความดังกล่าวนายพิเชษฐ ผู้เสียหายยืนยันว่าตนเองยังคงดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศ ไทย
โดยอ้างว่ากระบวนการปลดออกจากตำแหน่งนั้นไม่ถูกต้องตามระเบียบ ดังนั้นการกระทำใดๆ ของคณะกรรมการกลางฯ ชุดที่มี พล.ต.ต.สุรินทร์ เป็นเลขาธิการนั้นจึงถือว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย โดยกล่าวหาคณะกรรมการกลางฯ ทั้ง 43 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยประชุม ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นเงินกว่า 4 แสนบาทว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ และซ่องโจร เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้รับเรื่องและสอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป