เมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 31 ธค. ที่ จ.ชุมพร นายอุทิศ จันทร์แก้ว ผช.ผญบ.หมู่ที่ 18 ต.ละแม อ.ละแม จ.ชุมพร รับแจ้งจาก จนท.หน่วยอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง น้ำตกคลองพา ว่า กระทิงป่าในป่าแก่งกรุง จ.ชุมพร ที่บาดเจ็บสาหัสจากการติดบ่วงแร้วของนายพราน และ ถูกยิงด้วยปืนไรเฟิลนั้น เสียชีวิตแล้ว หลังจากที่คณะสัตวแพทย์รักษาบาดแผลและเดินทางกลับ เนื่องจากถ้ากระทิงป่าฟื้นจากยาสลบจะทำให้มีความดุร้าย เป็นอันตรายต่อชีวิตคนได้ ซึ่งอุทยานฯแก่งกรุง จัด จนท.เฝ้าดูความเคลื่อนไหวในระยะไม่ไกลมากนัก ในช่วงแรก พบว่า กระทิงป่าดังกล่าวเริ่มฟื้นจากยาสลบ แต่ยังคงนอนนิ่งลืมตา กระพริบตาตลอดเวลา จนกระทั่ง เวลาประมาณ 06.00 น.ของวันนี้ จนท.เข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง พบว่า กระทิงป่าตัวดังกล่าว กลับนอนตายไม่มีลมหายใจแล้ว ในจุดที่ได้ทำการรักษาพยาบาล จนท.อุทยานฯแก่งกรุง จึงรีบรายงายให้ นายชัชวาลย์ ศิริสมบัติ หัวหน้าหน่วยอุทยานฯแก่งกรุงทราบทันที ซึ่งได้รับคำสั่งให้เฝ้าซากกระทิงป่า และ แจ้งให้คณะสัตวแพทย์ และฝ่ายปกครองทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป ในเวลา 07.30 น. นายชัชวาลย์สั่งให้ใช้รถแทรกเตอร์ ลากกระทิงป่าลงจากสันเขา เพื่อนำไปที่ทำการอุทยานฯ ท่ามกลางความยากลำบาก เนื่องจากความใหญ่โตของกระทิงป่า และ เส้นทางสูงชันมาก ภายหลังนำซากกระทิงป่า มาที่ทำการอุทยานฯ มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงทราบข่าว จึงพากันเดินทางมามาดูซากกระทิงร่วม 200 คน ต่างพากันแสดงความเสียใจอย่างมากต่อการจากไปของกระทิงป่า ทั้งที่ในวันที่พบวันแรก ทุกคนลุ้นให้กระทิงป่า หายเป็นปกติ และ กลับไปใช้ชีวิตในป่าดงดิบได้ต่อไป แต่เมื่อทราบว่ากระทิงป่าตายก็พากันเสียใจ และเสียดาย เนื่องจากกระทิงป่า เป็น สัตว์หายาก บางคนตั้งแต่เกิดเพิ่งเคยได้เห็นกระทิง
ส่วนสาเหตุการตาย คณะสัตวแพทย์เปิดเผยว่า น่าจะเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ที่กระทิงป่ามีบาดแผลจากการติดบ่วงแร้วของนายพราน นานหลายวัน แผลลึกมาก และเริ่มเน่า จนนำมาสู่การติดเชื้อและ เสียชีวิต เกินกว่าที่จะเยียวยาได้ อย่างไรก็ตาม ต้องทำการผ่าตัดเข้าไปดูภายในร่างของกระทิงป่าด้วย เพื่อหาสาเหตุการตายที่ชัดเจนต่อไป