ฉลองปีใหม่ลดค่าไฟ5สต.

นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลัง งาน เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์)

มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย. 54) ลง 5.67 สต.ต่อหน่วย จากปัจจุบันค่าเอฟทีอยู่ที่ 92.55 สต.ต่อหน่วย เหลือ 86.58 สต.ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐานที่ 2.25 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟงวดใหม่อยู่ที่ 3.11 บาทต่อหน่วย เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยได้ใช้ไฟฟ้าถูกลง  โดยสาเหตุที่ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลงเพราะได้รับอานิสงส์จากเงินบาทแข็งค่า และราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้าปรับลดลง 5 บาทต่อล้านบีทียู
   
“ตามหลักการแล้วค่าไฟฟ้างวดนี้ควรปรับลดลง 11.90 สต.ต่อหน่วย แต่ยังมีภาระหนี้ที่ต้องจ่ายคืนให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เข้ามาตรึงค่าไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมา กว่า 2,500 ล้านบาท ทำให้สามารถลดค่าเอฟทีให้ประชาชนได้เพียง 5.67 สต.ต่อหน่วย โดยหนี้ที่ต้องคืนแก่ กฟผ.จะหมดในเดือนเม.ย. 54”
  


ส่วนแนวโน้มค่าไฟฟ้าในปีหน้ามีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นตามราคาก๊าซฯ ที่จะปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน แต่คงต้องติดตามอัตราแลกเปลี่ยน และปริมาณการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นมากน้อยหรือไม่ เพราะทั้ง 3 ตัวเป็นปัจจัยสำคัญของราคาไฟฟ้า
    
นายวรรณรัตน์ กล่าวถึงส่วนโครงสร้างของราคาไฟฟ้าที่รัฐบาลจะให้กับประชาชนไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ใช้ฟรีนั้นคงต้องรอการแถลงนโยบายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 9 ม.ค. 54 

แต่ยอมรับว่าเรื่องพลังงานที่รัฐบาลจะประกาศเป็นนโย บายประชาวิวัฒน์ทั้งหมด เช่น ไฟฟ้า, ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี), น้ำมันดีเซล เป็นต้น  ส่วนการดูแลราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรคงต้องรอดูสถานการณ์สักระยะหนึ่งก่อนว่าจะต้องใช้มาตรการลดภาษีหรือไม่ “ภาพรวมราคาพลังงานปีหน้าจะปรับตัวสูงขึ้นมาก เพราะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้การใช้พลังงานสูงขึ้น โดยราคาดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 87 ดอล ลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล  ขณะ ที่ปี นี้เฉลี่ยที่  77 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล” 
   
สำหรับภาพรวมของการใช้พลังงานในปี 53 พบว่ามูลค่าการใช้พลังงานของประเทศไทยอยู่ที่ 1.796 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 13.8% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง และราคาพลังงานสูงกว่าปีก่อน โดยเฉพาะน้ำมันดิบที่มีปริมาณนำเข้า เพียง 802,200  บาร์เรลต่อวัน ลดลง 0.1% แต่มูลค่ากลับสูงอยู่ที่ 733,000 ล้านบาท เพิ่ม 17.6%
    
ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 147,724 ล้านหน่วย เพิ่ม 9.6% มีมูลค่า 478,000 ล้านบาท เพิ่ม 11.2%, ปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติ 4,086 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน เพิ่ม 14.7% มีมูลค่า 71,262 ล้านบาท เพิ่ม 44.63%, ปริมาณการใช้ก๊าซแอลพีจี 5.9 ล้านตัน เพิ่ม 13.4% มูลค่า 1.524 ล้านล้านบาท เพิ่ม 102.4% โดยมีการชดเชยแอลพีจีที่นำเข้าจากต่างประเทศ 20,919 ล้านบาท เป็นต้น
   
“สาเหตุที่มีการใช้พลังงานลดลงเพราะส่วนหนึ่งรถยนต์และรถขนส่งหันไปใช้ก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี โดยเฉพาะเอ็นจีวีที่ในปี 53 มีรถหันมาติดตั้งเครื่องยนต์แล้ว 211,368 คัน เพิ่ม 30.46% ส่วนการใช้แอลพีจีปีนี้ที่เพิ่มขึ้น 13.4% เนื่องจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติโรงที่ 6 ยังดำเนินการไม่ได้ ทำให้การนำเข้าแอลพีจีเพิ่มขึ้น 102.4% อยู่ที่ 1.524  ล้านตันต่อปี คาดว่าในปีหน้าทั้งมูลค่าการใช้และการชดเชยจะลดลง จากการแยกราคาแอลพีจีเป็น 2 ตลาดและโรงแยกก๊าซฯ ที่ 6 เปิดได้”
 
  
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
การลดค่าเอฟทีได้มีการคำนวณทุกอย่างไว้แล้วโดยเฉพาะแนวโน้มปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนทั้งหมด ซึ่งตนมั่นใจว่าทุกอย่างที่ทำนั้นได้ดูไว้ล่วงหน้าและปรับเข้ากับความจำเป็นในทุกสถานการณ์ได้.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์