มาร์คลั่นอุ้มดีเซล-ก๊อก2ลดภาษีช่วย2บ.

วันที่ 26 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์

ถึงคำวิจารณ์ที่ว่านโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลที่ออกมาจะกระทบฐานะทางการเงินการคลังว่า ต้องชี้แจงว่านโยบายจำนวนมากที่ออกมาไม่ได้ใช้เงินจากงบประมาณ บางเรื่องไม่ได้ใช้เงินด้วยซ้ำ แต่เปลี่ยนวิธีการปรับโครงสร้าง เช่น ด้านพลังงาน ทั้งไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ทำให้ภาระของประชาชนมีน้อย โดยปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียม หรืออะไรต่างๆ ที่เห็นว่าผู้มีฐานะควรเป็นคนแบกรับมากกว่า ไม่ใช่อยู่ดีๆ เอาเงินมาแจก

ทั้งนี้ รัฐบาลเข้าไปแตะในเรื่องภาษีน้อยมาก มีแต่ที่เสนอแล้ว และอยู่ในระหว่างดำเนินการ

เช่น ภาษีทรัพย์สิน ที่ดิน ส่วนเรื่องราคาน้ำมัน หลักคิดของรัฐบาลคือ ไม่ให้เพิ่มภาษีสูงจนทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ ขณะนี้มีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อุด หนุนตรงนี้อยู่ คนก็วิจารณ์กันว่ามันถูกหรือเปล่าที่เอากองทุนน้ำมันมาอุ้ม ขอบอกว่าไม่ได้เริ่มบริหารวันนี้ ทำมา 2 ปีกำหนดนโยบายไว้เองว่าช่วงที่ราคามันต่ำให้เก็บตุนไว้ ซึ่งถ้าย้อนไปดูกองทุนน้ำมันตอนที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาติดลบหลายพันล้าน แต่วันนี้เกินอยู่เกือบ 3 หมื่นล้านบาท ไม่เหมือนรัฐบาลในอดีตที่ไปอุ้มกันจนขาดทุน 8 หมื่นล้านบาท แล้วต้องมาไล่แก้ปัญหา ซึ่งเงินจากกองทุนน้ำมัน 3 หมื่นล้านบาทขอให้เข้ามาดูแลราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรจนหมดหน้าหนาว

"มั่นใจว่ากองทุนน้ำมันจะไม่ติดลบ ถ้าราคาน้ำมันดิบยังสูงต่อ ภาษีก็เป็นเครื่องมือที่ 2 จะเข้ามาช่วย รัฐบาลชุดก่อนยกเว้นไม่เก็บภาษี ช่วงที่ราคาน้ำมันต่ำผมก็กลับมาเก็บ แทนที่จะเก็บเท่าเดิม 3 บาท ก็เพิ่มเป็น 5 บาท เพราะไม่ต้องการให้ฐานะการคลังกระทบจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อกองทุนน้ำมันดูแลไม่ไหว พร้อมที่จะลดภาษีไปอยู่ที่ 3 บาทหรือลดลงไป 2 บาท"

ส่วนที่กังวลว่าการขึ้นเงินเดือนในหลายภาคส่วนอาจทำให้ราคาสินค้าขยับตามนั้น
 
เรื่องนี้ต้องตั้งหลักให้ดี 2 ปีที่ผ่านมาพอเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลายคนถามว่าทำไมไม่รู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น พบว่าคนที่เดือดร้อนมากคือคนที่มีรายได้ประจำ โดยเฉพาะข้าราชการที่ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน แต่ข้าวของราคาแพงขึ้นทุกปี ฉะนั้นรัฐบาลจึงขึ้นเงินเดือนให้ โดยปรับให้ตามค่าครองชีพ ไม่ใช่รัฐบาลขึ้นเงินเดือนแล้วของแพง ข้าราชการไม่ได้ขึ้นเงินเดือนมาตั้งแต่ปีใจจริงอยากปรับขึ้นให้ตั้งแต่ 1 ต.ค. แต่ต้องใช้งบประมาณเยอะ เลยเลื่อนมาเป็นวันที่ 1 เม.ย. ส่วนเรื่องค่าแรงก็ปรับขึ้นน้อยมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 10-11 บาท ไม่น่าจะกระทบต้นทุนสินค้ามากเกินไป ส่วนราคาสินค้ารัฐบาลก็ให้ความเป็นธรรมว่าบางตัวถูกตรึงราคามานาน เช่น น้ำมันพืช นม หรือปุ๋ย ตัวไหนที่มีเหตุผลต้องยอมให้ขยับขึ้นบ้าง

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในวันที่ 27 ธ.ค.นี้จะพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) รอบเดือนม.ค.-เม.ย.54

ซึ่งมีโอกาสที่จะปรับลดประมาณ 4.5-4.8 ส.ต./หน่วย เป็นผลมาจากเงินบาทที่แข็งค่าทำให้ราคาเชื้อเพลิงปรับลดลง อย่างไรก็ตามหากคำนวณเฉพาะต้นทุนเชื้อเพลิงจริงค่าเอฟทีสามารถปรับลดลงได้ถึง 10 ส.ต./หน่วย แต่ต้องใช้หนี้ค่าเอฟทีคืนให้ กฟผ.กว่า 2,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นค่าเอฟทีประมาณ 5-6 ส.ต./หน่วย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์