เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 703 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
ศาลอ่านพิพากษา"ยกฟ้อง"คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายกรวิวัฒน์ วัฒนะธรรมวงศ์ หรือนายไพบูลย์ สุขสุธรรมวงศ์ เป็นจำเลย ฐานร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมโดยเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษี ศุลกากร ตามที่โจทก์ฟ้องสรุปว่าระหว่างวันที่ 20-28 กรกฎาคม 2543 บริษัทพระราม 9 เอส.อี.ซี.กรุ๊ป จำกัด นำสินค้าประเภทส่วนประกอบอุปกรณ์รถยนต์และเครื่องยนต์ 2 รายการ คิดเป็นเงินไทย 3,800,344.91 บาท จากประเทศเยอรมนีโดยผ่านพิธีการทางศุลกากรที่ด่านศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพ ต่อมาระหว่างวันที่ 10-11 สิงหาคม 2543 จำเลยกับบริษัทพระราม 9 เอส.อี.ซี.กรุ๊ป จำกัด นายสมชาย ศรีพยัคฆ์ และนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมปลอมเอกสารสำเนาบัญชีราคาสินค้า (INVOICE) เลขที่ 253/00/6/27 และ 291/00/7/28 ของบริษัท HANSEABIC HANDEL KLUGE GMBH&CO ประเทศเยอรมนี ทำให้ภาษีศุลกากรขาดรวม 868,755.00 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มขาดรวม 63,269.00 บาท ค่าธรรมเนียมภาษีอื่น 35,085.00 บาท รวมภาษีอากรขาด 967,109.00 บาท เหตุเกิดที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ เขตดอนเมือง ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27, 115 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268
ศาลวินิจฉัยว่าไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดยืนยันว่า จำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยื่นเอกสารสำเนาบัญชีราคาสินค้า ทั้งพยานโจทก์ต่างไม่รู้จักกับจำเลย และไม่มีใครทราบว่าจำเลยเกี่ยวข้องอย่างไร นอกจากนี้จำเลยยังให้การปฏิเสธมาตลอด พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังว่าจำเลยกระทำความผิด กรณีไม่อาจลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง